เบตง (๑)
วันที่ผมเขียนเรื่องนี้ เขียนเพื่อพาไปกินอาหารเบตงแต่อยู่ในกรุงเทพ ฯ นี่แหละ
และเป็นอาหารเบตงขนานแท้ด้วย เพราะคนทำอาหารก็มาจากเบตง อาหารสดบางอย่างก็สั่งมาจากเบตงทุกวัน
เบตงคือ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ภาคใต้ของไทย แถมวันที่ผมกำลังเขียนอยู่นี้
เขากำลังประชาสัมพันธ์ภาพยนต์ไทยเรื่องเบตงพอดี แต่จะเป็นภาพยนต์แบบไหน วัยรุ่น
หรือวัยดึกชมผมยังไม่ทราบ เอาเบตงของผมดีกว่า
ผมไปเกี่ยวข้องกับเบตงก็ เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๙ - ๒๕๓๐ ซึ่งในขณะนั้นผมไปปฏิบัติหน้าที่ของแม่ทัพภาคที่
๔ ส่วนหน้า ตั้งกองบัญชาการอยู่ที่ ค่ายอิงคยุทธบริการ
อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี และได้รับคำสั่งมาว่าให้ดำเนินการต่อผู้ก่อการร้ายทั้งหลายในพื้นที่
๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เสร็จสิ้น โดยเฉพาะต่อกลุ่มโจรจีน
ให้พยายามนำเขาออกจากป่า มาเป็นผู้พัฒนาชาติไทยให้ได้
พวกก่อการร้ายใน ๕ จังหวัดภาคใต้
ซึ่งได้แก่ จังหวัดสงขลา (บางอำเภอ), ปัตตานี, สตูล, ยะลา และนราธิวาสนั้น
มีด้วยกันถึง ๔ พวก
คือ ผกค. หรือผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์
ซึ่งถูกรุ่นพี่ของผม ที่ท่านเป็นเจ้าของแผน "ใต้ร่มเย็น" คือ ท่าน พล.อ.หาญ
ลีลานนท์ แม่ทัพภาคที่ ๔ กำราบปราบปรามเสียแทบจะสิ้นซากไป ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๖
จะมีเหลืออยู่บ้างก็ไม่ใช่กองกำลังติดอาวุธแล้ว พวกที่สองคือ พวกขบวนการโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน
พวกนี้เข้าตั้งของเขาเองว่าเป็นพวกแบ่งแยกดินแดน โดยคิดจะรวมเอาสี่จังหวัดภาคใต้
(เว้นสงขลา) ไปรวมกับอีกสองจังหวัดที่เขาจะดึงมาจากมาเลย์เซีย แล้วตั้งขึ้นเป็นประเทศเลยทีเดียว
มักใหญ่ใฝ่สูงมาก แต่ไม่มองดูขีดความสามารถของตัวเองว่า มีกองกำลังมากพอที่จะก่อการร้ายระดับประเทศเช่นนั้นได้ไหม
ทหารเราจึงเรียกพวกนี้ว่าขบวนการโจรก่อการร้ายคือ โจรดี ๆ นั้นแหละ ไม่ได้เอาคำว่าแบ่งแยกดินแดนใส่เข้าไปด้วย
และพวกนี้ยังแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยอีก ๓ กลุ่ม
เช่น พูโล ที่คุ้นหูพวกเราคนไทยอยู่
พวก บี อาร์ เอ็น
และกลุ่ม บี เอ็น พี พี
ซึ่งกลุ่ม บี อาร์ เอ็น นั้น ตั้งฐานอยู่ในตอนเหนือของประเทศมาเลย์เซีย แต่กำลัง
(กองโจร) เข้ามารังควานในเขตแดนไทย ต่อมาเกรงว่า ชื่อของกลุ่มจะไม่ศักดิ์สิทธิ์
จะไม่น่ากลัว และเห็นว่า ทางอาฟกานิสถาน กำลังดังในการก่อการร้ายโดยกลุ่ม
"มูจาฮีดิน" ๓
กลุ่มทางภาคใต้ของไทย จึงประกาศรวมตัวกันเป็นกลุ่มเดียวกัน แล้วตั้งชื่อกลุ่มว่า
"มูจาฮีดิน" คือ เอาชื่อมาจากาฟกานิสถาน แต่เนื่องจากกลุ่มทั้ง ๓ นี้ แม้จะรวมตัวกันก็รวมกันอย่างหลวม
ไม่มีอุดมการณ์อะไร จึงไม่สามารถปฏิบัติงานได้ตามแผนงานที่โม้ไว้ คือ แบ่งแยกดินแดนได้
ให้สังเกตว่า แต่ละกลุ่มจะมีอักษรตัว "P"
เช่น พูโล อักษณ "P" ตัวนี้หมายถึง ปัตตานี
เขาต้องการที่จะแบ่งดินแดน เมื่อสำเร็จแล้วจะได้ตั้งปัตตานีเป็นเมืองหลวงของเขาต่อไป
เป็นความฝันที่ไม่มีทางเป็นไปได้ ผมอยู่ใต้มา ๘ ปี และทุกวันนี้ผมก็ยังไปใต้อีกปีละหลายครั้ง
แถมตอนนี้ลูกชายไปรับราชการในหน่วยที่ผมเคยเป็นผู้บัญชาการมาด้วย ทำให้มีโอกาสไปเยี่ยม
ลูก เยี่ยมหลาน ไปหาวัตถุดิบได้มากขึ้น การรวมตัวกันของกลุ่มทั้ง ๓ ในชื่อ
มูจาฮีดิน หวังผลประโยชน์มากกว่าอุดมการณ์ ขัดแย้งกันเรื่องผลประโยชน์ หากเขารวมกันอย่างเหนียวแน่น
จริงจัง มีอุดมการณ์ (หมายถึง พ.ศ.๒๕๓๙) ก็จะยากต่อการปราบปรามเช่นกัน เมื่อรวมกันหลวม
ๆ เช่นนี้ ก็พอที่จะแยกปราบปรามได้ และประการสำคัญคือ ต้องนำแผนงานยุทธศาสตร์พัฒนา
หรือยุทธศาสตร์พระราชทาน มาพัฒนาประชาชน พัฒนาหมู่บ้านต่าง
ๆ ให้เกิดความ "อยู่ดี" ไม่มีโรคภัย" ให้สำเร็จเสียก่อนแล้วจะดึงประชาชนมาเป็นพวกของเราได้สำเร็จ
เมื่อประชาชนเป็นพวกเรา ก็ง่ายต่อการหาข่าว และส่งกำลังเข้าปราบปราม และการปราบปรามขั้นต้นคือ
ปราบเจ้าหน้าที่ของเราเองไม่ว่า "สี" อะไรต้องไม่ไปรังแกราษฎร หากเกิดการรังแกขึ้นต้องสอบสวน
ลงโทษสถานหนักเท่านั้น จึงจะได้ผลต่อการพัฒนา ซึ่งจะต้องทำติดต่อกันไป พวก
ขจก. หรือขบวนการโจรก่อการร้ายนั้น เขาก็อยู่ในหมู่บ้าน คนในหมู่บ้านเขารู้จัก
เขาจะออกไปรวมตัวกันเมื่อจะไปปฏิบัติการ ซึ่งวิธีการนี้คล้าย ๆ กับพวกเวียตกง
ในศึกเวียตนาม ซึ่งผมเคยไปรบ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๒ - ๒๕๑๓ ในตำแหน่งผู้บังคับกองพันทหารปืนใหญที่
๒ กองพลอาสาสมัคร พอจะมองออกว่า วิธีการมันคล้ายๆ กัน
ดังนั้นหากเราเข้ากับประชาชนได้ เราก็จะหาข่าวได้ และประชาชนนั่นแหละ จะมาเป็นฐานข่าวให้เรา
ซึ่งผมมีรายละเอียดมากมายในเรื่องนี้ และไม่สมควรมาเล่าไว้อย่างเปิดเผย แม้เหตุการณ์จะล่วงเลยมาแล้ว
แต่ยังเป็นวิธีการที่ทันสมัยอยู่ และยังใช้ได้ทุกกาลเวลา
เมื่อขบวนการ ขจก.
เผาโรงเรียน หรือชาวบ้านอยากได้สถานีอนามัย วิธีการของผมจะต้องทำให้ทันใจชาวบ้าน
บอกไว้ตรงนี้ก็ได้ ใครสนใจก็เอาไปปฏิบัติได้
เผาโรงเรียน ไฟยังไม่ทันดับดี ผมเอาทหารไปเคลียร์พื้นที่แล้ว เชิญป่าไม้อำเภอมาพบแม่ทัพภาคสมัยนั้น
มีอำนาจแม้จะเป็นการสั่งการต่อผู้ว่าราชการจังหวัด ในอำนาจของผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน
ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดในพื้นที่ จะมีฐานะเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ
เชิญป่าไม้มาเพื่อขอไม้ บอกว่าไม้ในป่าถูกนักเลงดีลักตัดกันมากมาย จับไม่ทัน
ผมขอไม้สัก ๒ - ๓ ต้น เอาแต่ไม้ที่ถูกตัดแล้วยังไม่ได้ขนไป เอากำลังทหารขนออกมา
แล้วแปรรูป ช่วยกันสร้างโรงเรียนชั่วคราว ทำอย่างนี้พวก ขจก. ยังไม่รู้สึก
เราก็ขอแรงพวกชาวบ้านในหมู่บ้าน
ที่โรงเรียนถูกเผานั่นแหละ "เกณฑ์" จะถูกต้องกว่าให้มาช่วยสร้างโรงเรียน ชาวบ้านจะต้องมา
มาแล้วเขาได้กินข้าว แต่ไม่มีค่าแรง และเขาก็เหนื่อย แต่เขาไม่ด่าเรา เพราะเราจะช่วยลูกหลานของเขา
เขาด่าลูกหลานของเขาที่เป็น "ขจก." นั่นแหละ "พวกมึงไปเผาโรงเรียนของหมู่บ้านเรา
อีตานายพลสูงโย่งเลยมาเกณฑ์กูให้ไปช่วยสร้างโรงเรียน"
โต๊ะ เก้าอี้ ทำหมดเอาพอนั่งได้ อุปกรณ์การสอนผมหาให้ "ครู" หนีไปหมดแล้ว
แต่ครูของผมมี มาสมัยนี้ (๒๕๒๙) มีพลทหารจบปริญญาตรีมาก็มา ยิ่งนายสิบพยายามเรียนเอาปริญญา
เพื่อก้าวหน้าไปสู่การเป็นนายทหาร เอาพวกนี้แหละไปเป็นครูสอนก่อน จนกว่าครูตัวจริงจะกล้ากลับมาสอนต่อไป
เพราะครูของผมไม่มีเงินเดือน แต่ครูตังจริงเขามีเงินเดือน เดี๋ยวเขาก็กลับมาเอง
เราก็แก้ปัญหาโรงเรียนถูกเผาได้ จะเกณฑ์มาสร้างโรงเรียนอีก
บางตำบลขอสถานีอนามัย ผมก็สร้างให้ ใช้เวลาไม่กี่วัน อาคารชั่วคราวทำแบบเดียวกับโรงเรียน
ของใช้จากหน่วยกองบัญชาการช่วยรบที่ ๔ ซึ่งผมเคยเป็นผู้บัญชาการมาก่อน เช่น
ผ้าปูนอน ผ้าห่ม ทหารเวลาจะปลดประจำการ ต้องนำส่งคือถือเป็น "ของหลวง"
เราก็เอามาใช้ จำหน่ายออกจากบัญชีได้ เพราะอยู่ในคลังก็ไม่ได้ใช้แล้ว ให้นำส่งคืนเพราะกลัวว่าเขาจะเอาไปขาย
แล้วหนีทหารเท่านั้น ส่วน "หมอ" ทุกหน่วยระดับกองร้อย ไม่ว่าเหล่าใด เช่น
กองร้อยทหารปืนใหญ่ จะมีนายสิบเสนารักษ์ ดูเหมือนจะ ๒ คน เราก็ขอแบ่งมา พลพยาบาลของเราก็มี
พวกนี้อย่างน้อยจะฉีดยาได้ ทำปฐมพยาบาลได้ จัดยาพอได้ อย่างน้อยพวกนี้ก็เรียนมาโดยตรง
ไม่มีหมอ แต่ใช้นายสิบพยาบาลเหล่านี้แทนได้ ดีกว่าไม่มีเลย ยิ่งทหารปืนใหญ่นั้น
สมัยหนึ่งประมาณ พ.ศ.๒๕๑๕ - ๑๖ ผมเคยนำผู้บังคับหมู่ปืน มาฝึกการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
๑ เดือน ที่โรงพยาบาลอานันทมหิดล ลพบุรี และฝึกที่ศูนย์การทหารปืนใหญ่ จะฉีดยาได้
พยาบาลเบื้องต้น เข้าเฝือกได้ ฯ
ดังนั้นในเวลาไม่กี่วัน สถานีอนามัยค่อนข้างอนาถา ก็มาสามารถรับรักษาชาวบ้านได้
ยาเอามาจากไหน ยานั้นใช้ยาที่เหลือเวลาอีก ๖ - ๑๐ เดือน จะหมดอายุ แต่ความจริงยังดีอยู่
ตามหลักการเขาให้จำหน่วยได้เท่านั้น เราก็ให้กองบัญชาการช่วยรบ หน่วยรับคืนจำหน่ายยาพวกนี้
นำยามาใช้รักษาชาวบ้านได้ เป็นยาดีที่มีคุณภาพ แต่หลักการที่เราลอกฝรั่งเขามา
ตั้งแต่เขายังช่วยเหลือเราเขาว่าไว้อย่างนั้น จึงเป็นยาที่นำมารักษาคนไข้ได้เป็นอย่างดี
ผมใช้วิธีนี้ก็ตั้งสถานีอนามัยชั่วคราวได้ แล้วแจ้งให้ทางอนามัยจังหวัดทราบ
และพามาดูและขอให้ทางจังหวัดเอาเข้าแผน เพื่อก่อตั้งถาวรต่อไป
หรือ ทางศาสนายิ่งสำคัญมาก ทางทหารจะหาวัตถุไปสร้าง รางล้างหน้า
ล้างเท้า ล้างมือ (๕ จุด) ให้นักเรียนตามโรงเรียนต่าง
ๆ ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่จะป็นชาวไทยอิลาม ต้องละหมาดวันหนึ่ง
๕ ครั้ง ที่โรงเรียนไม่น้อยกว่า ๒ ครั้ง ก่อนะละหมาดต้องล้าง ๕ จุดเสียก่อน
นักเรียนเข้าแถวกันยาวเหยียด ชั่วโมงหนึ่งยังไม่จบ ไม่ต้องเรียนกัน เข้าแถวเพื่อรอล้างร่างกายจากก๊อกน้ำของโรงเรียน
แต่พอผมไปเห็น จะพยายามสร้างรางน้ำให้เข้าแถว ก็กลายเป็นแถวสั้น ล้างกันได้ในเวลาอันรวดเร็วไม่ต้องเสียเวลาเรียน
หรืออีกที วันหนึ่งผมไปเยี่ยมตำรวจตระเวณชายแดน ที่จะต้องปฏิบัติตามแผนยุทธการของกองทัพ
ซึ่งอยู่ทางอำเภอยะหา จังหวัดยะลา พอเที่ยวกลับมามีผู้ใหญ่บ้าน (ทราบภายหลัง)
นุ่งโสร่งไม่สวมสื้อมายืนกลางถนนเลยทีเดียว โบกมือให้รถขบวนของผมจอด เมื่อรถจอดแล้วผู้ใหญ่ก็ชี้ให้ดู
"เสาคอนกรีต" ที่ฝังอยู่ในดิน บอกว่าจะสร้างมัสยิด สร้างมา ๑๐ ปีแล้วได้แต่เสาให้ผม
(เขาเรียกแม่ทัพ) ช่วยสร้างให้ที เหมือนลองเชิงกัน ผมรับปากทันที พอกลับมาผมติดต่อกับท่านที่เป็นระดับเลขานุการ
หรือผู้ช่วยของอิสลามโลก ซึ่งเมื่อตอนที่ผมสร้างห้องละหมาด
ในค่ายเทพสตรี ศรีสุนทร ที่อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ตอนที่ผมยังเป็นผู้บัญชาการอยู่นั้น
พอลงมือสร้างด้วยทุนทรัพย์ที่ต้องช่วยกันหา ไม่ใช่งบประมาณท่านผู้นี้ บินมาหาผมแล้วขอดูตัวว่า
ดูสถานที่ว่าสร้างจริงไหม ผมเป็นพุทธใช่ไหม ทำไมสร้างห้องละหมาดให้อิสลาม
จบแล้วท่านก็บอกว่าเขาจะสร้างให้ แต่ขอรื้อที่ผมสร้างไว้ได้ไหม ผมไม่ยอมให้รื้อ
เขาเปลื่ยนเป็นขอแก้แบบบ้างได้ไหม ตกลงกันแล้วเขาก็ส่งช่างที่เขาว่าจ้างเอง
มาสร้างให้จนแล้วเสร็จ เสร็จแล้วถามว่าอุปกรณ์ประจำห้องละหมาดแล้วหรือ ก็บอกว่าไม่มี
จะค่อย ๆ หาเอา เขาก็ถามว่าทหารอิสลามในค่ายมากไหม
ก็ตอบไปว่าคงจะร่วมพัน เขาบอกอีกผมซื้อให้ทั้งหมด
และหากท่านนายพลจะสร้างอะไรเกี่ยวกับศาสนาอิสลามอีกให้บอกเขา
เขาจะช่วยอีก ค่ายเพทสตรีศรีสุนทร จึงน่าจะเป็นค่ายเดียวที่มีละหมาดขนาดใหญ่
ได้มาตรฐาน มีโต๊ะครู มาบรรยายทุกวันศุกร์ ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๘ (ตอนนั้นผมสร้างพุทธศาสนสถานเรียบร้อยแล้ว)
ดังนั้นเมื่อตาผู้ใหญ่บ้านหมู่อะไรจำไม่ได้แล้ว แต่ตำบลปะแต ในอำเภอยะหา จังหวัดยะลา
มาท้าทายผมให้สร้างมัสยิดให้ ผมรับคำท้า แล้วผมก็ติดต่อท่านเลขา ฯ ท่านก็บินมาพบ
และอนุมัติทันทีใช้เวลาประมาณ ๑ ปี ผู้ใหญ่บ้านคนเดิม แต่งตัวด้วยชุดพระราชทานอย่างโก้เลยที่เดียวมาหาผม
เชิญผมไปเป็นประธานพิธีเปิดมัสยิด ที่ตำบลปะแต
อำเภอยะหา ไม่ได้ถอดเสื้อโชว์ซึ่โครงอย่างวันที่มาโบกรถเรียกผมกับเลขาประจำตัว
ก็บินไปเปิดให้ (ตอนนั้นย้ายมาอยู่กรุงเทพ ฯ แล้ว) ด้วยการทำงานพัฒนา และเข้าถึงประชาชนแบบนี้
และการระวังอย่างให้ข้าราชการทุกหน่วยงาน ไปรังแกชาวบ้านเป็นอันขาด ใช้เวลาเพียง
๖ เดือน ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ สงบเงียบ สันติสุขตามมาทันที
ต้องขออภัยที่เล่ามาเสียยาว เพราะผมถูกแปลงสารเรื่องการปฏิบัติการต่อกลุ่ม
ขจก. ไว้แยะ โดยเฉพาะเมื่อย้ายมาแล้ว ก็มีการแปลงสารเอาเป็นผลงานของตัว แม้แต่ห้องละหมาด
ที่ผมสร้างในค่ายเทพสตรีศรีสุนทร ยังมีคนแอบอ้างว่าเขาสร้างเอง หรืออนุสาวรีย์ท่านท้าวเทพกษัตรีศรีสุนทร
(เขียนให้เหมือนภูเก็ต แต่ค่ายนั้นพระราชทานไว้ก่อนแล้ว เปลี่ยนไม่ได้) ก็มีคนขี้อิจฉาไปแกะป้ายด้านหลังอนุสาวรีย์ที่บอกว่าผมและ......
ร่วมกันสร้างอนุสาวรีย์แห่งนี้ขึ้นไว้ จนแม่ทัพท่านปัจจุบัน (๒๕๒๖) ได้สั่งทำแผ่นป้ายใหม่
เพื่อรักษาประวัติของอนุสาวรีย์ในค่ายเทพสตรีศรีสุนทร อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราชเอาไว้
ผมว่าจะเล่าเรื่องเบตง ปรากฎว่าไปไม่ถึงเบตง วนเวียนอยู่กับโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน
ซึ่ง "ทหาร" ได้ตัดคำว่าแบ่งแยกดินแดนทิ้งไปนานเกือบยี่สิบปีแล้ว
ผมคงจะเล่าได้แค่นี้ ขอบันทึกไว้เป็นเสมือนประวัติศาสตร์ในขณะที่ผมยังมีชีวิตอยู่
และผู้ร่วมงานกับผมอีกเป็นอันมาก ก็ยังรับราชการอยู่ในกองทัพ ใครจะมาบิดเบือนไม่ได้
เพราะทำจริง มีให้ดูจริง เช่น ห้องละหมาด ที่ค่ายเทพสตรีศรีสุนทร
พุทธสถานในค่ายนี้
ที่องค์พระพุทธรูปสร้างจากหินเขาสอยดาว จันทบุรี หนักถึง ๗ ตัน ชะลอเอามาให้ช่างที่ปากทางเข้านำตกเขาอีโต้
จังหวัดจันทบุรี แกะสลักเป็นพระพุทธรูปปางคันธาราษฎ์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางแรกของโลกที่เกิดขึ้นในแคว้นนี้
หลังจากที่พระพุทธองค์ปรินิพานไปแล้วร่วม ๕๐๐ ปี จึงเกิดมีพระพุทธรูปขึ้น
ผมสร้างปางนี้เอาไว้แล้ว บรรจุด้วยพระพุทธรูปอู่ทองอายุกว่า ๖๐๐ ปี
ซึ่งบิดาผมให้ไว้ตอนผมจะไปรบเวียดนาม บรรจุโดยรู้กับช่างแกะสลักเพียง ๒ คน
ว่าบรรจุอยู่ตรงไหน แล้วนำพระพุทธรูปขึ้นรถทหารช่าง เอามาจากปราจีนบุรี มาประดิษฐานในวิหารที่ค่ายเทพสตรีศรีสุนทร
ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๗ เป็นมิ่งขวัญของชาวค่าย ถวายนามว่า พระพุทธอู่ทองศิริธรรมนครนาม
หรือมัสยิดที่ตำบลปะแต ในอำเภอยะหา จังหวัดยะลา ท่านก็ไปชมกันได้ ล้วนแต่ของจริง
หากเราช่วยราษฎรอย่างจริงจัง อย่ารังแกเขา และต้องพยายามพูดกับเขา แม้ภาษาท้องถิ่นจะต่างกับภาษาภาคกลางมาก
เราต้องพยายามพูดไม่เป็น แต่ผมให้อาจารย์ใหญ่มาช่วยราชการ แล้วช่วยเป็นล่ามพูดกันในภาษายาวีให้ได้
ผมพูด ๑๐ คำ อาจารย์แปลได้ ๒๐ คำ แถมเวลาเขาเชิญไปพูดตามมัสยิด
ผมก็เตรียมสตางค์ (ของหลวง) ไปบำรุงมัสยิด ผมพูด อาจารย์แปล ผมพูดไม่ขำ แต่ไม่รู้ว่าอาจารย์แปลอย่างไร
หัวร่อกันลั่นไป ทีนี้เลยเชิญกันแทบทุกสัปดาห์ โดยทางมัสยิดเขาขอเก็บเงินผู้ฟัง
ส่วนทางทหารก็มีเงิน มีสิ่งของไปให้ทางมัสยิด ทำแบบนี้
"ขจก." ก็แทบจะสูญพันธุ์ หลังจากที่ผมย้ายจากมาแล้ว
กองทัพบกก็ยุบกองทัพภาคที่ ๔ ส่วนหน้า เพราะไม่มีความจำเป็นแล้ว และนานเข้าก็ลืมเลือน
วิธีการที่คลำมาจนถูกทางแล้ว ปล่อยกันไปตามแนวเดิม
ทำแบบนี้ "ขจก." จึงฝืนคืนชีพขึ้นมาอีก
สัปดาห์นี้ผมไปไม่ถึง เบตง ก็เลยชวนท่านเที่ยวปัตตานีไปก่อน
เพราะเดี๋ยวนี้ปัตตานีสะดวกเหลือเกิน ถนนจากกรุงเทพ ฯ วิ่งไปตามถนน
๔ เลน ๖ เลน ยันถึงปัตตานี ปัตตานีนั้นเป็นจังหวัดใหญ่ ประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวไทยอิสลาม
เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
และที่จังหวัดนี้ เมื่อ ๑๖ ปี มาแล้ว ผมได้จัดตั้งกีฬาปันจักสิลัตขึ้น
เพราะไทยไปรับเขามาว่ายอมให้มีแข่งในซีเกมส์ได้ อีก ๔ ปี จึงตั้งสมาคมสำเร็จ
และผมก็เป็นนายกสมาคมปันจักสิลัตคนแรกของประเทศไทย คลุกคลีอยู่ ๖ ปี ตั้งแต่
พ.ศ.๒๕๓๐ - ๒๕๓๖ หมดทุนก็ขอลาออกให้ท่านผู้อื่นทำกันต่อไป เวลานี้ก้าวหน้ามาก
ที่ ๒ ซีเกมส์มาแล้ว แทบจะไม่รู้จักเหรียญทอง น่าเสียดาย มีทั้งหมดถึง ๒๑
เหรียญทอง
ไปปัตตานีต้องไปชมมัสยิดประจำจังหวัดสวยที่สุด
ต้องไปเที่ยวตลาดเช้า
จะเห็นสีสรรของสาวปัตตานีแต่งตัวมาตลาดกัน สีฉูดฉาดดีนัก และซื้ออาหารพื้นเมืองชิม
ส่วนสถานที่อื่น ๆ นั้น ผมเคยพาไปเที่ยวแล้ว จึงไม่ขอนำมาเล่าซ้ำ พาไปชิมอาหารเลย
เดิมจะพาไปชมอาหารเบตง ที่กรุงเทพ ฯ นั้น เพชรเกษมซอย ๖๙ เข้าซอยไป ๗๐๐ เมตร
ถึงสี่แยกเลี้ยวขวาไป ๑๐๐ เมตร ข้าวมันไก่เบตงอยู่ทางขวามือ เอาไว้สัปดาห์หน้าจึงจะพาไปชิม
ตอนนี้บอกทางให้ก่อน เผื่อคนวันรุ่นใจร้อนจะไปชิมข้าวมันไก่เบตง ขาหมูเบตง
เอาหยก (เผือก) ผัดผักน้ำ (ผักจากเบตง) จะได้ไปชิมก่อนผมพาไป ๐๒ - ๘๐๗๗๕๒๒
สัปดาห์นี้มาวนเวียนแถวปัตตานี เลยพาชิมร้านในอำเภอเมืองปัตตานีเสียก่อน
ลอนดอน ร้านนี้เป็นร้านเด่นของอำเภอเมืองปัตตานีเลยทีเดียว แต่หนักไปทางอาหารจีน
หากจะชิมอาหารอิสลามก็ต้อง "มาดีนาห์" แนะนำไปแล้ว วันนี้เอาอาหารจีน ร้านลอนดอนทัวร์
จะลงเป็นประจำ มื้อไหนไปเจอ (ส่วนมากมื้อกลางวัน) ทัวร์ลงละก็คนแน่นตรึมเลยทีเดียว
วันแรกผมไปกันกลุ่มใหญ่ สั่งอาหารได้มาก แต่ก่อนอาหารจะมา ปรากฎว่าทัวร์เข้า
๒ - ๓ กลุ่ม แน่นร้านไปเลย ไม่มีโอกาศลุกขึ้นมาถ่ายภาพเพราะไปยืนเก้ ๆ กัง
ๆ จะเกะกะพวกทัวร์ที่เขารีบกิน รับไป และเขาอาจจะสงสัยว่า ลุง - ป้า
คู่นี้จะกินข้าวทำไมต้องถ่ายรูป และในคณะก็ล้วนแต่ระดับลุง ป้าทั้งนั้น (ความจริงระดับ
ปู่ ย่า ตา และยาย) เลยไม่มีรูปมื้อที่อาหารมาก วันหลังไปใหม่ ไปกัน ๒ คน
ตอนที่ไปกำลังหิวจัด อาหารยังมาไม่ครบ ถ่ายภาพเมื่ออาหารยกมาเพียง ๒ อย่าง
แล้วลงมือชิม เลยมีรูปอาหารใช้ชมแค่นั้น แต่ผมจะเอาอาหาร ๒ ครั้ง ที่ไปชิมมาเล่าให้ฟัง
แต่ร้านลอนดอนนี้ผมชิมเขามานานแล้ว ตอนที่ทำงานกองทัพภาคที่ ๔ ก็เคยมาชิมบ่อย
ๆ อร่อยทุกมื้อไป
ร้านลอนดอน อยู่ตรงสี่แยกที่มีธนาคารกรุงไทย ถนนยะรัง เยื้องมัสยิดกลางปัตตานีที่ผมบอกว่า
ไปปัตตานีต้องไปชมให้ได้ ไม่ว่านับถือศาสนาใด หรือหากข้ามสะพานเดชานุชิตมา
จะผ่านสี่แยกไฟสัญญาณที่ ๑ (หากเลี้ยวขวา แล้วเลี้ยวซ้ายอีก ๒ ที ไปร้านมาดีนนาห์)
ตรงไปอีกจนถึงสี่แยกไฟสัญญาณที่ ๒ ตรงหัวมุมมีธนาคารกรุงไทย ให้เลี้ยวขวา
มัสยิดกลางอยู่ซ้ายมือ ร้านลอนดอน จะอยู่ทางขวามือ
ขาหมูร้านนี้ขาหมูอร่อยนัก หนังนุ่มเหนียวได้เคี้ยว
เต๋าเต้ยหม้อไฟ ต้องหลาย ๆ คน จึงจะคุ้ม เพราะเต๋าเต้ยหรือปลาจารเม็ดสีเทาเกือบขาวนี้ตัวจะโตมาก
จึงจะเรียกว่าเต๋าเต้ย ราคาตามน้ำหนักวันนั้นชิมกัน ๗ คน เต๋าเต้ยราคาตัวละ
๗๕๐ บาท เขายกหม้อไฟมาตั้งตัดปลามาเป็นชิ้น วางมาบนผักกาดขาว ผักกาดดอง คิ๊นฉ่าย
น้ำซุปจะออกรสหวานด้วยการใส่ปลาหมึกแห้งต้มลงไปด้วย ใส่ปลาลงในหม้อไฟที่กำลังเดือดและร้อนจัด
ตักใส่ถ้วยซดน้ำหวานชื่อใจ เอาเนื้อปลาจิ้มเต้าเจี้ยว อร่อยอย่าบอกใครเชียว
(เดี๋ยวเขาแย่งกิน)
ออส่วน หอยนางรม ผัดแบบผัดแห้งมีไข่วางอยู่ข้างหน้า
ห่อยจ๊อ และแฮ่กิ๊นกุ้ง สั่งมาในจานเดียวกัน มีผักดองวางเคียง
ปูนิ่งผัดฉ่า ผัดมากับพริกไทยดำ เผ็ดนิด หอมน่อย อร่อยดี
ยำเป็ดกรอบ เป็ดฉีกฝอยทอดกรอบ ยำกับมะม่วง โทร. ๐๗๓ ๓๔๙๖๗๙, ๓๓๓๐๖๔ หากไปวันหยุด
จองโต๊ะก่อนก็ดี เพราะหากไปเจอทัวร์เข้าจะแน่นจริง ๆ
ของหวานไม่มี มีแต่ผลไม้
....................................................................................
|