วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร
ผมเคยเดินทางไปยังวัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหารโดยไปทางเรือ เป็นการไปครั้งแรกของผม
ไปโดยไม่รู้ว่าทิศทางที่จะไปทางถนนนั้นไปทางไหน ต้องใช้วิชาสอบถามจึงได้ความว่าไปทางถนนก็ได้
ไปอย่างสะดวกสบายเลยทีเดียว แถมไปเจออาหารอร่อยคือ "ก๋วยเตี๋ยว" ที่บรรเลงโดยฝีมือนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่คือ
ชั้นผู้กำกับ ซึ่งผมขอเชียร์ที่นายตำรวจระดับนี้ใช้เวลาว่างในวันหยุดมาทำก๋วยเตี๋ยวด้วยตนเอง
ส่วนวันอื่นก็ขายแต่มีแม่ครัวเอกบรรเลงแทน เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง วันนี้ไปกัน
๒ ร้านเลย เพราะพอหาเส้นทางบกไปวัดได้ ผมก็ไปอีกหลายครั้ง เพราะไม่ใช่แค่จะมีแต่วัดเฉลิมพระเกียรติเท่านั้นที่จูงใจให้ไป
ยังมี "อุทยานเฉลิมกาญจนาภิเษก"
ซึ่งอยู่ติดกับวัด และใช้ทั้งพื้นที่ของวัด และที่ที่จัดซื้อเพิ่มเติมซึ่งอำนวยการสร้างโดย
"กรมธนารักษ์" ได้ชื่อว่าเป็น "อู่สถาปัตยกรรมไทย"
การไปวัดเฉลิมพระเกียรตินั้นไปได้หลายเส้นทาง และผมจะบอกเพิ่มไว้อีกเส้นทางหนึ่ง
เพราะไปค้นพบร้านอาหารที่ควรแก่การชวนชิมอีกร้านหนึ่งด้วยคือร้านช่อขนุน
เส้นทางแรก
ผมไปจากบ้านผมคือลาดพร้าว ๗๑ เดี๋ยวนี้ไปบางแคสบายมาก เพราะออกถนนคู่ขนาน
เข้าทางด่วนเอกมัย - รามอินทรา ได้หน่อยเดียวก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนที่ตัดใหม่
เชื่อออกไปโผล่ที่สี่แยกเกษตรศาสตร์ แล้ววิ่งเข้าถนนงามวงศ์วาน ตรงไปข้ามถนนวิภาวดีรังสิต
ผ่านสี่แยกพงษ์เพชร ผ่านสี่แยกแคลายไปข้ามสะพานพระนั่งเกล้า ตรงต่อไปจนผ่านปั้มคาลเท็กซ์
จะถึงสี่แยกมีไฟสัญญาณ ตรงจุดนี้หากเลี้ยวซ้ายจะมีป้ายบอกไว้ว่า ไปวัดสวนแก้ว
๒ กิโลเมตร และไปวัดเฉลิมพระเกียรติ ๑๐ กิโลเมตร ตรงสี่แยกนี้จึงให้เลี้ยวซ้ายไป
๒ กิโลเมตร พบป้ายวัดสวนแก้ว ทางซ้ายมือให้เลี้ยวช้ายเข้าไปหน่อยหนึ่งจะชนกับสามแยก
หากเลี้ยวช้ายอีกทีก็เข้าวัดสวนแก้ว ให้เลี้ยวขวาตรงไปเรื่อยและจะพบป้ายบอกทาง
จนพบหลักกิโลเมตร ๑๕ จึงเลี้ยวซ้ายอีกที ที่นี้ตามป้ายไปไม่ไกลก็เข้าถึงยังเขตวัดหากเข้าอุทยานเข้าซอย
๑๓ หากเข้าหลังวัดเข้าซอย ๑๕ ซึ่งเมื่อเลี้ยวซ้ายเข้าซอย ๑๕ ไปได้นิดเดียว
ร้านก๋วยเตี๋ยวผู้กำกับอยู่ทางขวามือ เปิดร้านโดยดัดแปลงจากโรงรถเดิม ทำเสียสวยทีเดียว
กว้างขวาง ห้องสุขาสะอาดเป็นสากล ก๋วยเตี๋ยวชามละ ๑๐ บาท พิเศษ ๑๕ บาท แตกต่างกันที่ลูกชิ้นปลา
เพราะเป็นก๋ยวเตี๋ยวลูกชิ้นปลา หากลูกชิ้นมากพิเศษ ๑๕ บาท และยังมีไก่ทอดสูตรร้านในซอยสุทธิสาร
มีเมี่ยงคำ มีส้มตำขนมน้ำแข็งใส ขนมพวกจันอับ น้ำผลไม้หรือน้ำสมุนไพรต่าง
ๆ ราคาถูกทั้งนั้น โอเลี้ยง ๕ บาท น้ำต่าง ๆ ก็เช่นกัน ใส่ถุง ๗ บาท และผมเลยแนะนำให้เปิดขายไปถึงเย็นเลย
คนมาวัด มาสวนกาญจนาภิกเษก จะได้อยู่ริมชิมแทนมื้อเย็นไปเลย ได้ร้านอาหารไปแล้วหนึ่งร้าน
ของดีราคาถูก และอร่อยมาก หรือมาก ๆ
เลี้ยวเข้าซอย ๑๕ แล้วผ่านร้านก๋ยวเตี๋ยวผู้กำกับไปแล้ว ก็วิ่งตรงต่อไปนิดเดียว
ก็เข้าทางด้านหลังของวัด หากจะไปหน้าวัดต้องมาทางเรือ หรือเมื่อเข้าประตูหลังวัดไปแล้ว
ให้อ้อมทางขวาจะไปยังหน้าวัด ซึ่งเป็นสวนไม้ร่มรื่น และมีอุทยานมัจฉาอยู่หน้าวัด
รวมทั้งมีอาหารปลาของวัดไว้จำหน่ายด้วย
เส้นทางที่ ๒
ไปตามถนน บางกรวย - ไทรน้อย แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนท่าน้ำ - นนทบุรี
ตามป้ายต่อไปก็ไปยังวัดได้ ซึ่งการมาบางกรวยจะเริ่มต้นตั้งแต่ข้ามมาจากสะพานพระราม
๗ ก็ได้
เส้นทางที่ ๓
เส้นทางนี้ผมทดลองอ้อมมาจากบ้านผม คือ ผมทาตามทางด่วน ๒ ด่วน ก็มาลงถนนที่ผมตั้งชื่อให้ว่าถนนล้านปี
คือสร้างมานานเต็มทีแล้ว ตั้งแต่ผมยังรับราชการจนผมปลดเกษียณและจนใกล้จะลงโลงอยู่แล้ว
ยังไม่ได่วิ่งบนถนนสายธนบุรี - ปากท่อ หรือถนน "พระราม ๒" อย่างสมบูรณ์เลย
ตอนนี้ผมมาทางด่วนข้ามสะพานพระราม ๙ แล้วลงพระราม ๒ หรือถนนล้านปี วิ่งตรงมาเรื่อย
ๆ พอผ่านบิ๊กซี ทางซ้ายก็เข้าถนนคู่ขนานมาได้หน่อยหนึ่ง จะมีสะพานข้ามถนนเพื่อข้ามถนนสายนี้ไปสู่ถนนที่ไปยัง
"บางแค" ไปบางบัวทอง ไปสุพรรณบุรีได้ สายนี้แหละ หากข้ามสะพานยาวตรงสี่แยกบางแคตรงไปเรื่อย
ๆ จนถึงบางใหญ่ จะขึ้นสะพานข้ามถนนกลับมาทางสะพานพระนั่งเกล้าได้ และจะมายังสี่แยกบางพลู
ซึ่งจะเลี้ยวขวามายังวัดสวนแก้ว ซ้ำกับเส้นทางที่หนึ่ง
ทางน้ำ
ผมไปครั้งแรกกับเรือทัวร์ แต่มีเรือหางยาวจากท่าน้ำนนทบุรีออกทุก ๒๐ นาที
ค่าโดยสารคนละ ๒ บาท ตอนนี้น้ำมันแพงไม่รู้ว่าขึ้นราคาหรือเปล่า แต่หากมีรถไปสะดวกกว่า
ไม่มีรถก็ต่อรถเมล์ไปถึงท่าเรือนนทบุรีแล้วลงเรือหางยาวไปสะดวกเช่นกัน
บอกเส้นทางไปร้านอาหารช่อขนุนไว้เสียเลย เมื่อมาจากถนนพระราม ๒ พอข้ามสะพานที่ข้ามถนนเพชรเกษม
จะมองเห็นเดอะมอลอยู่ทางขวา พอลงสะพานก็เข้าถนนคู่ขนานวิ่งผ่านปั๊มน้ำมัน
พอถึงสะพานกลับรถ จะเห็นป้าย เห็นร้านช่อขนุนอยู่ทางซ้ายมือ จอดรถสะดวก ร้านจัดเก๋
นั่งสบาย มีทั้งห้องแอร์
และนั่งรับลมร้อนก็ได้
ห้องสุขาแจ่มแจ๋ว อะไรอร่อยเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง
![](v01.jpg)
กลับมายังวัดเฉลิมพระเกียรติ บอกเส้นทางให้หมดแล้วทั้งรถ และเรือ
วัดเฉลิมพระเกียรติ
เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ที่ตำบลศรีเมือง อำเภอเมืองฯ
จังหวัดนนทบุรี ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ใต้ตลาดขวัญ
วัดนี้มีเขตวิสุงคามสีมา กว้าง ๒๖ เมตร ยาว ๔๐ เมตร หน้าวัดหันไปทางทิศตะวันออก
มีความยาว ๑๘๖ เมตร ติดแม่น้ำเจ้าพระยา วัดมีเนื้นที่ ๒๔ ไร่เศษ แบ่งออกเป็น
๓ เขต คือ เขตพุทธาวาส เขตสังฆาวาส และเขตนอกกำแพงวัด "เขตนอกกำแพงวัดนี้"
จะดูคล้ายกับกำแพงเมืองโบราณ ซึ่งจะประกอบด้วย ศาลาน้ำสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ
และมีศาลาแดงอีก ๑ หลัง สาเหตุที่มีลักษณะเป็นกำแพงเมืองโบราณ ก็เพราะว่าเดิมคือ
ป้อมเก่าริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๙๐ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อพระองค์ขึ้นครองราชสมบัติเมื่อ
พ.ศ. ๒๓๖๗ ได้สถาปนาสมเด็จพระราชชนนี แห่งพระองค์ท่านขึ้นเป็น "กรมสมเด็จพระศรีสุลาลัย"
ต่อมาทรงมีพระราชดำริว่า บริเวณป้อมทับทิมเก่าฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาด้านตะวันตกนั้น
เป็นนิวาสสถานเดิมแห่งอัยกาพระอัยกี ทั้งเป็นสถานที่ประสูติของกรมสมเด็จพระศรีสุลาลัยพระราชชนนี
จึงสมควรสถาปนาขึ้นเป็นพระอารามหลวงขึ้นสักแห่งหนึ่ง จึงโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระยาบรมมหาประยูรวงศ์
(ดิศ บุนนาค) เป็นแม่กองสร้างวัดขึ้นบริเวณนั้น และโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างกำแพงเมือง
และป้อมปราการก่ออิฐถือปูนรอบวัด มีใบเสมาทำนองเดียวกับกำแพงพระบรมมหาราชวัง
พระราชทานนามว่า "วัดเฉลิมพระเกียรติ"
การสร้างวัดเฉลิมพระเกียรตินี้ได้อนุรักษ์รูกแบบเดิมเอาไว้ แม้สิ่งก่อสร้างที่ร่วมสมัยนั้น
ก้ได้สร้างให้กลมกลืนกับสถาปัตยกรรมเดิม จึงทำให้วัดเฉลิมพระเกียรติได้รัยรางวัล
"อาคารอนุรักษ์ดีเด่น ประจำปี พ.ศ. ๒๕๓๖ จากสมาคมสถาปนิกสยาม"
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จไปทรงก่อพระฤกษ์พระอุโบสถ เมื่อวันที่
๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๓๙๐
วันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๙๓ โปรดเกล้าให้อาราธนา พระประชาเฉลิม (เกษ)
กับพระฐานานุกรมวัดอรุณราชวราราม ลงเรือแห่ไปจำพรรษา ณ วัดเฉลิมพระเกียรติ
ในวันต่อมาโปรดเกล้า ฯ บำเพ็ญพระราชกุศลพระสงฆ์ขึ้นกุฏิใหม่ที่ทรงสร้างจำนวน
๕๓ หลัง
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคตเสียก่อนที่การก่อสร้างจะแล้วเสร็จ
แต่เมื่อทรงพระประชวนก็ห่วงการก่อสร้าง จึงได้มีพระดำรัสขอเงินจากท้องพระคลังจากพระเจ้าอยู่หัวองค์ต่อไป
๑ หมื่นชั่ง เพื่อนำมาสร้างวัดให้แล้วเสร็จ
พระบามสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ได้ทรงสร้างวัดเฉลิมพระเกียรติจนแล้วเสร็จตามพระราชประสงค์ของรัชกาลที่
๓ และยังโปรดให้ปิดทองพระประธานในพระอุโบสถ ไปพระราชทานพระกฐิน โปรดให้แห่พระบรมธาตุขึ้นไปบรรจุไว้ในเจดีย์
และให้แห่พระศิลา ๓ องค์ จากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ไปประดิษฐานในพระอุโบสถวัดเฉลิมพระเกียรติ
ในรัชสมัยของรัชกาลที่ ๕ โปรดให้อาราธนาพระปรีชาเฉลิม (แก้ว) ไปเป็นเจ้าอาวาสวัด
แต่ในตอนนั้น (พ.ศ. ๒๔๓๑) กุฏิสงฆ์ทรุดโทรมมากจนเจ้าอาวาสต้องพักอยู่ในพระอุโบสถ
จึงพระราชทานเงิน ๑๑๕ ชั่ง เพื่อสร้างกุฏิใหม่สำหรับพระสงฆ์ และได้จัดตั้งโรงเรียนธรรมและบาลีขึ้นในยุคนี้
ในรัชกาลปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงบริจาคทรัพย์ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์วัด
และเมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๐๔ พระบาทสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ
ได้นำเสด็จเจ้าหญิงอเล็กซานดราแห่งเคนท์ เสด็จพระราชดำเนินลอยพระประทีป ณ
วัดเฉลิมพระเกียรติ
สิ่งสำคัญภายในวัด.-
หากเข้าทางประตูหลังวัด เมื่อจอดรถแล้วจะมองเห็น "มอ"
หรือน่าเรียกว่าภูเขาหิน ที่สร้างขึ้นให้เหมือนเขา มีต้นไม้ มีน้ำตก มีถ้ำลอด
กล่าวว่าเป็น "มอ" ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเลยทีเดียว อยู่ทางด้านซ้าย
![](v02.jpg)
พระบรมธาตุเจดีย์ ด้านหลังพระอุโบสถ
พระอุโบสถ
เป็นสถาปัตยกรรมไทยปนจีนตามแแบพระราชนิยมในสมัยรัชกาลที่ ๓ หน้าบันประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสี่สลับลวดลายดอกพุดตาน
บานประตูหน้าต่างด้านในภาพเขียนสีฝุ่นด้านนอกเขียนลายรดน้ำ ภาพตราแผ่นดิน
พระประธานปางมารวิชัย หล่อด้วยทองแดงทั้งองค์ ปิดทองแล้ว) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ถวายพระนามว่า "พระพุทธมหาโลกาภินันทปฏิมา"
พระวิหาร
เรียกว่าพระวิหารศิลาขาว องค์พระพุทธรูปประดิษฐานอยู่บนบุษบกไม้สัก ลงรักปิดทอง
ประดับกระจก มีลวดลายวิจิตรอ่อนช้อยงดงามยิ่ง
พระเจดีย์
เป็นเจดีย์ทรงกลม ปรือทรงระฆัง
การเปรียญหลวง
เป็นอาคารผสมผสานระหว่าอาคารทรงไทย กับเครื่องบนหลังคาแบบจีน
กำแพงและป้อมปราการ
เป็นกำแพงก่ออิฐถือปูน มีใบเสมา มีป้อมปราการทั้ง ๔ มุม มีความสำคัญคือ เป็นสถานที่พักกองทัพจัดขบวนทัพ
แลพประกอบพิธีกรรมในการยกทัพ เท่าที่พบหลักฐานมีถึง ๙ ครั้ง เช่นในการยกทัพไปตีเชียงตุง
ยกทัพไปปราบฮ่อ เป็นต้น
กุฏิไทยมี ๒๐ หลัง เป็นเรือนไทยภาคกลาง ทรงมะลิลา ใต้ถุนสูง ศิลปะแบบไทย |