วัดโบสถ์
ผมเคยเล่าเรื่องเมืองปราจีนบุรีไปแล้วหลายครั้ง เช่นเล่าถึงการล่องแก่งที่แก่งหินเพิง
อำเภอนาดี เล่าอุทยานแห่งชาติทับลาน เล่าถึงวัดแก้วพิจิตร และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
เป็นต้น รวมทั้งพิพิธภัณฑ์เจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ซึ่งอยู่ในโรงพยาบาลอภัยภูเบศร์
แต่คราวนี้ไปมาใหม่เอี่ยม เขาชวนไปดูต้นไม้ที่สวนซึ่งเขาพบพันธุ์จำปีใหม่โดยบังเอิญ
"คือจำปีสีทอง" และการทาบกิ่งต้นไม้ด้วยการนั่งร้าน ผมจึงขอเล่าเรื่องเกี่ยวกับเมืองปราจีนบุรีอีกที
เมืองปราจีนบุรีที่ชีวิตในวัยหนุ่มของผมผูกพันอยู่กับเมืองนี้ เพราะเคยรับราชการอยู่ที่ปราจีนบุรีในค่ายจักรพงค์
ในตำแหน่งนายทหารยุทธการและการฝึก กองพันทหารปืนใหญ่ที่ ๒ เป็นเวลานานถึง
๕ ปี ทำงานในหน้าที่นี้ตั้งแต่มียศเพียงร้อยตรี จนถึงร้อยเอก จึงไปสอบเข้าโรงเรียนเสนาธิการทหารบก
จากนั้นก็เร่ร่อนไปทั่วไม่มีโอกาสกลับมาอยู่ที่กองพันนี้อีกเลย ปราจีนบุรีในยุคที่ไม่มีโรงหนัง
โรงละคร วิทยุรับได้ไม่กี่สถานี ยิ่งโทรทัศน์ก็เมินหน้าไปเลยเพราะไม่มีสัญญาณให้รับ
แถมไฟฟ้าทางทหารต้องปั่นไฟฟ้าใช้เอง กำลังไฟฟ้ามากพอสำหรับการบริการกำลังพลทั้งค่าย
มีไฟฟ้า ๑ วัน ต้องหยุดไป ๒ วัน เพื่อไปแบ่งให้หน่วยอื่นในค่ายด้วยกันได้ใช้ไฟฟ้า
ส่วนน้ำประปานั้นไม่รู้จัก ต้องใช้วิธีขุดบ่อน้ำบาดาล "สาว" น้ำขึ้นมาใช้
ลำบากแต่ก็สนุกดีและยังโสด
ผมไปที่สวนชื่อยาวเหยียดก่อน คือชื่อ สวนทิพย์ชมภูเนตรรุ่งเรืองสิน โทร ๐๓๗
๒๐๒๓๐๒ เดิมเขาไม่มีชื่อ ตอนนี้เขาตั้งชื่อยาวเหยียด แต่ผมซื้อหาพันธุ์ไม้กับเขามานานจนแน่ใจได้ว่าพันธุ์ไม้ของเขาไม่ปลอมหรือย้อมแมวขาย
เพราะหลายคนที่ซื้อพันธุ์ไม้ที่ปราจีนบุรีไป ไม้พันธุ์ดี ๆ เขาหาให้ไม่ทันแต่เขาก็อยากขาย
เขาก็ปลอมพันธุ์อื่นให้ไปแทน ๓ - ๔ ปี จึงจะทราบผลเมื่อออกลูกมา กลายเป็นพันธุ์อื่นไป
โดนกันมาหลายรายแล้ว จึงต้องเลือกซื้อจากสวนดีกว่าซื้อจากแผงลอยข้างถนน เช่นที่ตลาดผลไม้หนองชะอมเป็นต้น
หากมาจากนครนายกมาถึงประมาณกโลเมตร ๑๕๓.๕ จะมีแผงขายผลไม้สด ผลไม้แปรรูปขายกันยาวไปตามริมถนน
รวมทั้งพันธุ์ไม้ผลต่าง ๆ ด้วย ที่เชื่อใจได้แน่คือซื้อพันธุ์ไผ่ตงรายการนี้ซื้อได้แน่นอนไม่กลายพันธุ์แน่
ตรงสามแยกหนองชะอมนี้หากเลี้ยวขวามาประมาณ ๘ กิโลเมตร จะถึงศาลากลางจังหวัดหลังใหม่
และเลยไปก็จะมีสี่แยกซึ่งตรงสี่แยกนี้ เมื่อเลี้ยวขวาจะไปเข้าถนน ๓๐๗๑ ไปอีก
๔ กิโลเมตร วัดโบสถ์จะอยู่ทางซ้ายมือริมฝั่งน้ำบางปะกง เดี๋ยวผมจะกลับมาเล่าถึงวัดโบสถ์ตอนนี้ไปสวนก่อน
จากสามแยกหนองชะอม ตรงมาตามถนนสายที่มาจากนครนายก คือถนนสุวรรณศร ซึ่งถนนสายนี้ยาวไปจนถึงอำเภออรัญประเทศ
พอมาถึงสี่แยกที่มุมขวาคือศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หากเลี้ยวซ้ายจะไปยังสวนพันธุ์ไผ่
ซึ่งต้องเข้าไปอีก ๑๑ กิโลเมตร เป็นสถานที่รวบรวมพันธุ์ไผ่นานาชนิดเพื่อการศึกษาและขยายพันธุ์
ภายในบริเวณสวนพันธุ์ไผ่มีบ้านพักรับรอง มีอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก ศาลาพักผ่อน
มีทิวทัศน์ที่งดงามเห็นทิวเขาใหญ่ได้ชัดเจนสวยงาม ซึ่งผลผลิตจากไม้ไผ่นี้ต้องไปที่อำเภอประจันตคามคือ
เมื่อถึงสี่แยกเนินหอมก็วิ่งตรงไปยังอำเภอประจันตคาม มีผลิตผลจากหัตถกรรมไม้ไผ่
ตั้งแต่บันได โต๊ะ เก้าอี้ ไม้ไผ่ ไม้กวาด ฯ
ตรงสี่แยกเนินหอมเมื่อเลี้ยวขวาเข้ามาประมาณกิโลเมตร ๑๖๐ คือหมวดการทาง ตรงข้ามหมวดการทางคือ
สวนนายชูชีพ สวนนี้ขยายพันธุ์ไม้ของแท้แน่นอน ราคาถูกมากด้วย ที่สวนนี้แหละที่เขาพบพันธุ์จำปาสีทองโดยบังเอิญ
คือเขาไปเอาต้นจำปา จำปี และจำปูนปลูกไว้ใกล้ ๆ กัน เกิดการผสมของเกสรโดยธรรมชาติ
ซึ่งให้เจ้าของสวนทำเองก็ทำไม่ได้ และเขาขยายพันธุ์จำปีสีทองของเขาด้วยวิธีการทาบกิ่งแขวนนั่งร้าน
หากเลยหมวดการทางไปสัก ๕๐๐ เมตร กลับรถมาจะถึงทางแยกเข้าสวนชื่อยาว คือ สวนทิพย์
ฯ ปากซอยเข้าสวนมีชื่อหลายสวน เช่นสวนสมปอง ที่สวนนี้ผมได้ดูวิธีการทำนั่งร้านเพื่อทาบกิ่งของเขา
การทาบกิ่งต้นไม้นั้น เขาใช้ต้นตอซึ่งจะปลูกด้วยเมล็ด ยิ่งต้นพันธุ์เลวเท่าไร
เมล็ดจะยิ่งโตและจะหาอาหารเก่งเพราะธรรมชาติช่วย เมื่อพันธุ์เลวไม่มีใครเขาปลูกตกหล่นก็ขึ้นได้เอง
ไม่มีใครรดน้ำให้ปุ๋ย ไม้พันธุ์ไม่ดีจึงต้องดิ้นรนหาอาหารกินเอง เป็นผลให้รากยาว
ไกล หาอาหารเก่ง ดังนั้นหากจะทาบขนุนเขาก็หาเมล็ดขนุนพันธุ์ไม่ดีมาเพาะและจะเพาะง่ายด้วย
พอต้นโตขนาดดินสอดำ โตกว่าหลอดกาแฟหน่อยหนึ่ง ก็เอาไปทาบได้แล้ว เมื่อก่อนก็ทาบกับกิ่งที่โตกว่าและอยู่บนต้นไม้ที่โตและแข็งแรงแล้วเท่านั้น
จึงจะสามารถรับน้ำหนักต้นตอซึ่งจะต้องเอาไปทาบทั้งถุงที่ใส่ดินปลูกอยู่ด้วยได้
แต่เมื่อทำนั่งร้านเหมือนจะขึ้นไปทาสีรอบต้นไม้ที่จะเป็นต้นกิ่งพันธุ์ก็ทาบกิ่งเล็ก
ๆ ได้ซึ่งกิ่งแม่พันธุ์สูงสัก ๑ เมตรเศษ ๆ ก็ทาบกันแล้วไม่ต้องโตเช่นเมื่อก่อน
เรียกว่าปลูกปีเดียวขยายพันธุ์ด้วยวิธีการทาบกิ่งได้ คนที่มีที่ดินน้อยจะปลูกขายผลไม้กับเขาก็คงได้ปีละไม่กี่สตางค์
และผมเองเคยทดลองทำมาแล้ว ที่ดินประมาณ ๑,๐๐๐ ตารางวา ปลูกไม้ผลแล้วขยายพันธุ์ด้วยการทาบ
การตอน การติดตา ปรากฏว่าทำรายได้ให้แต่ละปีมากพอสมควร จึงแนะนำเรื่อยไปว่าใครมีที่น้อย
ๆ จงแสวงหาไม้ผลพันธุ์ดี ๆ เอามาปลูกให้ชิดก็จะปลูกได้มาก เช่นมะม่วง ท่านผู้ทรงคุณวุฒิด้านมะม่วงเคยบอกผมว่าให้ปลูกระยะห่างกันจากขอบหลุมถึงขอบหลุม ๑.๒๕ เมตร ถ้าจะเอาผลให้เร่งปุ๋ยแต่ให้ติดผลไม่เกิน ๑๐ ลูก ที่ดิน ๑ ไร่ ก็จะได้ผลไม่น้อย
แต่วิธีที่ทำเงินได้มากกว่าคือปลูกห่างเท่ากันแต่ไม่รอให้ออกผล พอปลูกได้สักปีก็เริ่มตอน
เริ่มทาบกิ่งแต่ใช้ไม้ค้ำ แต่ปัจจุบันนี้ที่ไปดูมานี่เมื่อเอาต้นตอที่อยู่ในถุงดินหนัก
ไปตัดยอดให้เป็นปากฉลาม แล้วไปปาดกิ่งพันธุ์ดีให้เป็นปากฉลามเช่นกัน เอามาทาบกันแล้วพันให้แน่นอย่าให้น้ำเข้าได้ด้วยเทป
เอาเชือกผูกโยงเข้ากับนั่งร้านที่ทำไว้รอบต้นแม่พันธุ์ที่จะทาบ ในแต่ละต้นจะทาบได้ทุกกิ่งไม่ว่าขนาดไหน
จะรับน้ำหนักได้หมด เพราะน้ำหนักของถุงไม้ตอนที่เอามาทาบนั้นไปอยู่ที่ราวของนั่งร้านหมดแล้ว
ต้นแม่พันธุ์ไม่ได้รับน้ำหนัก พอประมาณ ๔๕ วันขึ้นไปหากรากยังเขียวดีและเกิดรากใหม่สีขาวก็แสดงว่าทาบติดแล้ว
และรออีกหน่อยรากเริ่มกลายเป็นสีน้ำตาลอ่อน ก็ตัดกิ่งแม่พันธุ์ออกจากต้นแม่
ยอดของกิ่งแม่พันธุ์ก็จะติดมากับต้นตอเอามาเลี้ยงอีกสักพักก็ลงดินหรือขายได้
การทาบกิ่งไม่มีการกลายพันธุ์ ระหว่างที่ทาบกันอยู่ ต้นตอก็จะดูดน้ำจากต้นแม่พันธุ์มาเลี้ยงต้นในถุงทำให้เจริญเติบโต
แตกรากออกไปใหม่ ผมไปดูคราวนี้แล้วก็เข้าใจ และต้องขอชมเชยเจ้าของสวนที่รู้จักวิธีที่พัฒนาการทาบกิ่งให้ทำได้มากขึ้นและเร็วขึ้น
ในถนนสายเข้าเมืองปราจีนบุรีนี้มีหลายสวน ผมแวะไปเรื่อยและอุดหนุนขนุนไพศาลทักษิณกับจำปีสีทองของเขามา
นอกจากนี้ยังมีลำดวนแดง จำปีหลวงดอกสีนวลซึ่งหอม กลีบอ่อนเหมือนกระดังงา ฝั่งเดียวกับหมวดการทางมีอีกสวน
ไม้ผลน้อยแต่ไม้ดอก ไม้ประดับมากและแปลก ๆ ด้วย เช่น ว่านซันซิ หญ้าหนวดแมวปลูกแล้วเด็ดยอดเอามาตากแห้งชงเป็นชาดื่มแทนน้ำ
จะไปลดกรดยูริคตัวสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคเก๊าท์ ซึ่งโรคนี้หากใครเป็นแล้วจะได้ความทรมานมาก
เป็นแล้วต้องงดอาหารหลายอย่างเช่นสัตว์ปีทั้งหลาย เครื่องในสัตว์ ถั่วเขียว
ถั่วเหลือง ถั่วแดง หน่อไม้ สะตอ ชะอม "ใบชะพลู" ตัวนี้ร้ายกาจนัก เรียกว่าพอยูริคขึ้นสูงเกินกำหนดไว้คือ
๘. ก็แทบจะไม้ต้องชิมอาหารกัน ผมเคยพรวดขึ้นไปจาก ๕.๕ ไปจนถึง ๙.๖ ต้องใช้สารพัดวิธีเพื่อให้ยูริคลดลงมา
เพราะไม่เช่นนั้นเท้าบวม ปวด นึกไม่ถึงว่าใบชะพลูซึ่งอร่อยนักกับการกินเมี่ยงคำ
แถมด้วยเป็นพะโล้จะอาละวาดเอาขนาดนี้ ต้องยอมอดอาหารตามหมอแนะนำ ไม่งั้นก็ไม่ต้องเป็นนักชิม
นักเที่ยวกัน จบอาชีพกันที่โรคเก๊าท์นี้เอง
ไปปราจีนบุรีทั้งทีก็ต้องเลยไปโรงพยาบาลอภัยภูเบศร์
ซึ่งไปเป็นประจำทุกครั้งที่ไปปราจีนบุรี ก็ว่าได้เพราะชอบไปซื้อยาสมุนไพร
ซึ่งที่โรงพยาลบาลนี้เป็นโรงงานผลิตยาสมุนไพรน่าจะใหญ่ที่สุดของประเทศ และปัจจุบันคนนิยมกินยาสมุนไพรกันมาก
แม้แต่เหล้าไวน์ที่ทำจากสมุนไพร เช่นกระชายดำ โด่ไม่รู้ล้ม โนนิ หรือ ยอ กระท้อน
มะเม่า ก็นิยมกันมากโดยเฉพาะไวน์ "ตราม้า" ซึ่งเป็นไวน์ที่ได้มาตรฐาน มีเอกสารสิทธิ์
และผมเชียร์เพราะโรงงานนี้เป็นของไทยแท้ เป็นพวกข้าราชการที่ใกล้เกษียณอายุราชการ
หรือเกษียณอายุราชการแล้วมารวมทุนกันทำ ตั้งโรงงานอยู่ที่ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย
แต่ส่งเข้ามาขายในกรุงเทพ ฯ ใครซื้อของเขากิน ๕๐๐ บาท สั่งซื้อของเขาทางโทรศัพท์เขาส่งให้ถึงบ้านเลย
โทร ๐๑ ๘๕๔๘๒๔๑ ไม่ทราบว่าผมจะเมาไวน์หรือเปล่าเลยเขียนนอกเรื่อง เพราะอยากเชียร์คนไทยที่ทำอะไรดีก็เป็น
ที่โรงพยาบาลอภัยภูเบศร์สำหรับท่านที่ยังไม่เคยไป ก็ต้องแวะเข้าไปเที่ยว ไปชมพิพิธภัณฑ์เจ้าพระยาอภัยภูเบศร์เสียก่อน
ซึ่งท่านสร้างไว้คล้ายแบบจวนผู้ว่าราชการจังหวัดที่พระตะบองในปัจจุบัน เพราะท่านเป็นเทศา
ฯ มณฑลพระตะบองมาก่อนที่เราจะเสียเขมรให้แก่ฝรั่งเศสไป ผมไปเห็นที่พระตะบองแล้วแม้แต่สีก็คล้ายกัน
ส่วนยาสมุนไพรนั้นมีขายที่ห้องจำหน่ายยาที่ตัวตึกโรงพยาบาล และบางส่วนก็ขายอยู่ที่พิพิธภัณฑ์
จะไม่ขอแนะนำว่าขายยาอะไรดี
เส้นทางไปปราจีนบุรีเที่ยวนี้ของผมจึงไปแวะดังนี้.-
จากนครนายกมาตามถนนสุวรรณศร มุ่งสู่ปราจีนบุรีมาแวะขากลับคือตลาดผลไม้ที่หนองชะอมแล้วตรงมาถึงสี่แยกเนินหอมเลี้ยวขวา
แวะสวนนายชูชีพ สวนชื่อยาว สวนทิพย์ ฯ แวะอีกสวนที่อยู่เยื้อง ๆ กัน ซื้อว่านซันซิ
มะกอกเตี้ย "มะรุม" (ไม้มงคล) หญ้าหนวดแมว ผักหวาน และซองออฟอินเดีย ไม้ประดับจากสวนที่ซื้อว่านซันซิ
ตรงมาเข้าเมืองปราจีนบุรี ข้ามทางรถไฟตรงหัวโค้งที่จะเลี้ยวมาสถานีรถไฟคือทางเข้าวัดแจ้ง
ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่และสังขารของเจ้าอาวาสองค์เดิม ที่มรณภาพไปนานแล้วยังอยู่ในโลงแก้ว
ไม่เน่าเปื่อยให้กราบไหว้บูชากัน เลยทางเข้าจัดแจ้งก็จะมาถึงสถานีรถไฟ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าเมืองเมื่อมาสัก
๕๐๐ เมตร ทางขวาคือร้านอาหารที่จะมาชิมวันนี้คือร้าน "ตะโกราย" ต่อจากนั้นตรงเรื่อยเข้ามาจนถึงสี่แยกมีไฟสัญญาณ
หากเลี้ยวซ้ายจะมาวัดแก้วพิจิตร
วัดรวมศิลปะของ ๔ ชาติเอาไว้ด้วยกันคือ ไทย จีน เขมร และฝรั่งเศส ต้องแวะให้ได้
และในอุโบสถมีจิตรกรรมฝาผนัง และยังมีวัตถุมงคลจำหน่าย โดยเฉพาะพระกริ่งที่ทำจากหลังคาโบสถ์เก่าองค์ละ
๕๐๐ บาท และยังมีวิทยากรจากศิลปากรคอยอธิบายให้ฟัง แนะนำให้รู้จักพระพุทธรูปพระประธาน
"ปางประทานอภัย" มีอยู่องค์เดียวในประเทศไทย ที่ควรเช่าบูชามาไว้สำหรับคนค้าขายคือ
"เต่าคู่" ตัวโตคือเต่าตัวผู้ แสดงถึงอำนาจ ตัวเล็กเต่าตัวเมียจะนำความมั่งคั่งมาให้
ใครเช่ามา เอามาวางไว้ในชามที่ใส่น้ำ เอาผักบุ้งใส่แก้วน้ำบูชาเต่าเอาไว้
หมั่นบูชาด้วยคาถา "นาสังสิโม สังสิโมนา สิโมนาสัง โมนาสังสิ" วันละหลาย ๆ
รอบก็จะมีอำนาจและมั่งคั่ง เพระวัดที่สร้างเต่ามงคลมีแต่ในปราจีนบุรีกับนครนายก
ที่อื่นผมยังไม่เคยเห็น
จากวัดแก้วพิจิตรก็ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำปราจีนบุรีหรือบางปะกงไปยังโรงพยาบาลอภัยภูเบศร์
หากย้อนมาที่สี่แยกไฟสัญญาณอีกครั้ง หากเลี้ยวซ้ายมาวัดแก้วพิจิตร ถ้าเลี้ยวขวาไปสัก
๓ - ๔ กิโลเมตร จะไปถึงถนนที่มาจากสามแยกหนองชะอม ให้ตรงไปตามถนนสาย
๓๐๗๑ ไปอีก ๔ กิโลเมตร จะถึงวัดโบสถ์ วัดอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง
ภายในวัดร่มรื่นยิ่งนัก ที่สำคัญคือมีพระพุทธรูป ๓ องค์ สร้างเรียงรายไปตามริมฝั่งน้ำบางปะกง
หรือปราจีนบุรี องค์แรกคือ พระพุทธรูปปางไสยาสน์ หรือพระนอน องค์ต่อไปพระประทับนั่ง
และพระยืนประดิษฐานอยู่ริมฝั่งน้ำบางปะกง อยู่ชิดแม่น้ำเลยทีเดียว หากอยากถ่ายภาพต้องไปยืนถ่ายบนสะพานแขวน
หรือสะพานลวดสลิงขึง สะพานขึ้นทางพระนอนเป็นสะพานสร้างข้ามแม่น้ำบางปะกง สวย
แปลก มั่นคง เป็นสะพานกว้างพอคนเดิน จักรยานและมอเตอร์ไซค์วิ่งเท่านั้น
รถยนต์ข้ามไม่ได้ เมื่อข้ามไปแล้วทางริมฝั่งแม่น้ำข้างสะพานมีกระชังที่เขาเลี้ยงปลาคราฟท์ไว้จำหน่าย
เลี้ยงกันในแม่น้ำเพราะปลาคราฟท์เดี๋ยวนี้ราคาถูกจนเขาเอามาทำอาหารขายกันแล้ว
ผมยังหาร้านเด็ด ๆ ไม่เจอ จะได้เอามาเขียนเล่าให้ฟัง เมื่อขึ้นไปยืนบนสะพานแล้วก็ถ่ายภาพพระพุทธรูป
๓ องค์ นี้ได้
ไปชิมอาหารมื้อกลางวัน แต่ร้านเขาเปิดขายตั้งแต่สายไปยันค่ำ เดิมขายอาหารตามสั่งจนคนติดใจแล้วก็มาเปลี่ยนเป็นอาหารมังสะวิรัติ
ทำให้คนกินผิดหวัง ผมเลยแนะเขาว่าทำขายทั้งสองอย่างไม่ได้หรือ ไปเที่ยวนี้จึงได้ชิมอาหารที่เคยชอบและอาหารมังสะวิรัต
ที่ไม่บอกจะไม่รู้ว่านี่คืออาหารมังสะวิรัต
ร้านตะโกราย ลายแทงไปร้านอีกที เข้าเมืองปราจีนบุรี วิ่งผ่านสถานีรถไฟโค้งไปตามถนน
๕๐๐ เมตร ข้ามสะพาน ทางซ้ายคือธนาคาร ธกส. ทางขวาคือร้านอาหารชื่อ "ตะโกราย"
จอดรถสะดวดที่หน้าร้าน ร่มรื่นร่มเย็นริมธารน้ำ สุขาสะอาดเป็นสากล นั่งที่โต๊ะริมน้ำ
สั่งมาดังนี้.-
เริ่มด้วยน้ำเสาวรสหรือพาสชั่นฟรุ๊ท ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินซี, เอ และ เค ดี่มประจำจะทำใให้แข็งแรงกระชุ่มกระชวย
ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สร้างภูมิต้านทานโรคดีนัก ซึ่งเมื่อก่อนตอนไปทำงานบนเขาค้อบ่อย
ๆ ผมซื้อพาสชั่นฟรุ๊ทสดมาผ่าครึ่งโรยเกลือเพื่อลดความเปรี้ยว กินทั้งเนื้อและน้ำ
สดชื่นดีนัก
ถ้ามีเวลาให้สังเต้าหู้เสวย เพราะตีองใช้เวลา ๒๕ นาที จึงจะได้ชิม
นกกระจอกเทศผัดพริกไทยดำ จานนี้ราคา ๑๒๐ บาท แต่ไม่แพงเมื่อเทียบกับร้านที่เคยชิมมา
เป็นเนื้อนกกระจอกเทศที่นำมาจากฟาร์มอำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรีเช่นกัน
เนื้อนกกระจอกเทศจะลดคลอเรสโตรอล เนื้อนุ่ม หอม สีน่ากินเคียงด้วยกล่ำปลี
ผัดกับพริกไทยดำ ต้นหอม มันฝรั่ง เนื้อวิเศษสุด กรุ๊บ ๆ ยังกับกินหนังปลาบึก
พล่าขาหมูทอด จานนี้ต้องสั่งเป็นคำแรกเลยทีเดียว เขาเอาขาหมูไปทอดจนหนังกรอบ
แต่ติดเนื้อพล่ากับตะไคร้ หอม สะระแหน่ มะม่วง ผักกาดหอมรองพื้น เอาเปลือกมะเขือเทศพันเป็นดอกกุหลาบมาแต่งหน้า
จะกินเป็นแกล้ม หรือกินเรียกน้ำย่อยดีทั้งนั้น จานนี้จบแล้วไม่มีอะไรเหลือในจานแม้แต่ดอกกุหลาบ
ต้มส้มปลากระบอก รสหวานนิด เผ็ดด้วยพริกไทย หอมด้วยขิงร้อน ๆ ซดชื่นใจ กินข้าวกับผัดนก
ฯ แล้วซดต้มส้มตาม
อาหารมังสะวิรัต เขามีหลายอย่าง สั่งมาชิมคือ ไก่ทอดสมุนไพร ชิ้นไก่คือเต้าหู้เอามาทอดไม่บอกไม่รู้
เอาตะไคร้ ใบมะกรูด ใบคะน้า หั่นฝอยทอดกรอบมาวางกลบไก่ทอด (เต้าหู้) เอาไว้เคี้ยวได้ทุกอย่าง
และยังมีอาหารอีกหลายอย่าง "อ้อส่วน" ที่ผัดแล้วเป็นอ้อส่วนเหมือนเอาหอยนางรมมาผัดก็ยังมี
ปิดท้ายด้วยไอศกรีม สงสัยทางหรือจะสั่ง เต้าหู้เสวยเอาไว้ล่วงหน้า โทร ๐๓๗
๒๑๓๒๑๔
----------------------------------
|