มกุฎคีรีวัน
มกุฎคีรีวัน คือ ชื่อวัดมกุฎคีรีวัน (เขาใหญ่) ตั้งอยู่ที่ตำบลโป่งตาลอง
อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา วัดนี้ได้ก่อตั้งโดย พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ์
เจ้าอาวาสวัดมกุฎกษัตริยาราม ก่อตั้งสำนักปฎิบัติธรรม "มกุฎคีรีวัน" เมื่อปลายปี
๒๕๓๑ ในพื้นที่ประมาณ ๑,๒๐๐ ไร่
ผมไปพบวัดสำคัญวัดนี้ที่มีพื้นที่มากเป็นวัดธรรมยุต มีเจ้าอาวาสที่น่าจะอายุไม่มากนัก
และบวชมาเพียง ๑๕ ปี แต่มีสมณศักดิ์เป็น "เจ้าคุณ" คือ เป็นพระราชคณะชั้นสามัญ
พระญาณดิลก หรือชาวบ้านเรียกกันว่า พระอาจารย์แดง ท่านอุปสมบทเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๔
ณ วัดมกุฎกษัตริยาราม พอปี พ.ศ.๒๕๔๙ ก็ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะ
มีราชทินนามว่า พระญาณดิลก
มีแฟนหนังสือของผมท่านหนึ่ง แต่ไม่ได้อยู่เมืองไทย อ่านเรื่องที่ผมเขียนมานานกว่า
๒๐ ปี ปักหลักอยู่ที่ซานฟรานซิสโก อเมริกา และมาเมืองไทยปีละหลายครั้ง ติดต่อกับผมทางโทรศัพท์
แต่เวลามาเมืองไทยไม่เคยโทรมาคุยด้วย หรือมาหาสักที แต่พอมาเมืองไทยคราวนี้
บอกว่าอยากพบ อยากมาหาความรู้เรื่องการกินใบฮว่านง็อก เพราะหลานสาวเป็นมะเร็งอยู่ที่สวีเดน
ผมก็บอกเบอร์โทรศัพท์ของสวนที่ลพบุรีให้ไป บอกว่าสวนศรัณพันธุ์ไม้ อยู่ตรงหลัก
กม.๑๖๕ เขาจัดส่งให้ได้ทางไปรณีย์ แต่ส่งให้เฉพาะในเมืองไทย แกก็ยังขอมาพบบอกว่า
จะเอายาประเภทอาหารเสริมมาฝาก (เคยส่งมาให้หลายครั้ง) อาชีพของคุณผู้นี้
รวยด้วยการขายร้านคือ เป็นคนมีฝีมือในการทำอาหารเปิดร้านอาหารไทย ในซานฟรานซิสโก
ทำร้านจนดัง มีคนติดแล้วก็ขายร้าน ได้เงินมาเป็นกอบเป็นกำ ก่อนขายก็เริ่มมองหาแหล่งที่จะตั้งร้านใหม่ไว้ก่อน
พอขายได้ก็ไปเปิดร้านใหม่เงินก็เหลือ คนที่ซื้อร้านไปบอกว่าเป็นคนไทยทุกคน
เปิดแล้วก็ขายอาหารไทยต่อ บอกว่ามีรายเดียวที่ผู้ซื้อเป็นชาวอาฟกานิสถาน เปิดแล้วอุตริขายอาหารไทย
กุ๊กแขก เลยไปไม่รอดต้องเปลี่ยนไปขายพวกสปาเก็ตตี้แทน บอกว่าตอนนี้พักชั่วคราว
เดี๋ยวจะตายเสียก่อน ไม่ได้ใช้เงิน
มาคราวนี้มาพบที่บ้าน คุยเรื่องประโยชน์ของฮว่านง็อกแล้วขอใบไปกิน บอกว่ามาอยู่เมืองไทยนานเป็นเดือน
คงจะรู้ผล ขอต้นไปด้วย ๒ ต้น ผมก็บอกว่าต้นที่ขอไปต้องรออีก ๖ เดือน ใบจึงจะโตได้ขนาด
มีสรรพคุณให้กินได้อย่างมีประโยชน์ หากใบอ่อนไปก็เหมือนกินผักธรรมดา และเชิญผมไปเที่ยวสวนที่อยู่เชิงเขาใหญ่
บอกว่าซื้อไว้นานแล้ว มาเมืองไทยทีไรก็ไปดูสวน ซึ่งจ้างคนดูแลไว้ จะเอารถมารับผม
และเลขา ฯ ผมก็ตกลงไปเพราะเห็นว่ามีประโยชน์ และผมไม่ได้ไปเขาใหญ่มานานกว่าสิบปีแล้ว
ไปครั้งแรก ๆ นั้นเขาใหญ่ยังไม่ได้ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ มีถนนขึ้นได้ด้านเดียวคือ
ทางอำเภอปากช่อง แต่ปัจจุบันขึ้นเขาใหญ่ได้สองทางคือ ทางปราจีนบุรี และทางปากช่อง
ขึ้นทางปราจีนบุรีจะใกล้กว่าเล็กน้อย แต่ความสวยงามสู้เส้นทางที่ขึ้นจากปากช่องไม่ได้
ไปคราวนี้ผมไม่ได้ตั้งใจขึ้นไปเขาใหญ่ เหลืออีกร้อยเมตรก็จะถึงด่านตรวจขึ้นเขาใหญ่
ไปแล้วก็ได้เห็นความเจริญสองข้างทางของถนนเข้าเขาใหญ่คือ ถนนธนะรัชต์ สาย
๒๐๙๐ เส้นทางไปวัดมกุฎคีรีวัน เส้นทางเดียวกับเส้นทางไปยังด่านเก็บเงินขึ้นเขาใหญ่
เส้นทางไปยังเขาใหญ่ และไปวัดมกุฎคีรีวัน ไปดังนี้ จากกรุงเทพ ฯ ตามถนนพหลโยธิน
ผ่านรังสิต วังน้อย พอ กม.๑๐๘ ก็แยกขวาที่สระบุรี เข้าถนนมิตรภาพ หรือทางหลวงแผ่นดินหมายเลข
๒ พอถึง กม.๑๔๒ หากเลี้ยวซ้ายไปจะไปเข้าอุโมงค์ต้นไม้ และต่อไปยังเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
ได้ พอ กม.๑๔๓ ก็จะผ่านทางแยกซ้ายเข้าน้ำตกมวกเหล็ก ปากทางเข้าคือ แหล่งรวมของร้านกาหรี่ปั๊บ
ที่มีชื่อเสียงมานานกว่า ๔๐ ปี เลยต่อมาก็จะผ่านดงขายต้นไม้ ชนิดขายส่งและขายปลีก
อยู่ริมถนนเป็นแหล่งใหญ่ของพันธุ์ไม้ ที่สำคัญสำหรับชาวสวนคือ ย่านนี้จะขายตอไม้
เช่น ตอมะม่วง ตอมะปราง เป็นต้น ชาวสวนจะซื้อตอเหล่านี้ เพื่อนำไปทาบกับกิ่งของต้นแม่พันธุ์ดี
ส่วนตอมักจะเป็นตอของมะม่วงแก้ว หรือมะปรางธรรมดา แล้วเอาไปทาบกับมะม่วงพันธุ์ดี
เช่น อกร่อง น้ำดอกไม้ ส่วนตอมะปรางก็ไปทาบกับกิ่งของมะยงชิต รวมทั้งพันธุ์ไม้ที่เขาทาบเอาไว้แล้ว
ก็จะมีจำหน่าย รวมไปถึงต้น "ฟักแม้ว" ก็พอจะหาซื้อได้ในย่านนี้ แต่หากรอปลูกไม่ทันใจ
เลยต่อไปอีกทางขวามือ ก็จะเป็นดงขายผลไม้ ของฝากทั้งหลายแหล่ ดงนี้ยาวสัก
๑ กม. คงจะได้มีร้านขายนับร้อยร้าน มีฟักแม้วขาย "กก.ละ ๑๐ บาท "
พอเลยจากดงสินค้าของฝาก ก็จะถึงปั๊ม ปตท.ประมาณ กม.๑๕๘ ที่มีสุขาสำหรับคนพิการ
คนสูงอายุก็อาศัยได้ เลยต่อมาก็จะถึงทางแยกซ้ายเข้า อ.ปากช่อง และแยกซ้ายเพื่อข้ามสะพานไปเข้าถนน
๒๐๙๐ เล็งดี ๆ เข้าถนนสายขวา เข้าสายซ้ายไปตลาดไปอำเภอ ตรงไปจะไปผ่านลำตะคอง
ผ่านดงอาหารปลาจากเขื่อน น่าเสียดายที่ตั้งบังความงดงามของเขื่อนลำตะคองไว้หมด
เมื่อเลี้ยวขวาเข้าถนนธนะรัชต์ หรือสาย ๒๐๙๐ แล้ว ก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงจากเมื่อสี่สิบกว่าปีก่อนมากมาย
(อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ตั้งเป็นอุทยานแห่งแรกของไทย เมื่อ ๑๘ กันยายน ๒๕๐๕
และต่อมาได้รับการพิจารณาประกาศเป็นอุทยานมรดกโลกแห่งอาเซียน) ตลอดสองข้างทางมากไปด้วยร้านอาหาร
เต็มไปด้วยรีสอร์ท ร้านขายต้นไม้ทั้งไม้ดอก ไม้ประดับ และกล้วยไม้สวย ๆ (กม.๑๔)
ปางช้าง กม.๑๙ ฯ และปลายทางคือ โรงแรมจุลดิศ ผมยังไม่เคยพัก
จากปากทางพอถึง "กม.๑๒" ทางซ้ายมือ ร้านอาหารที่จะพาไปชิมวันนี้ พอประมาณ
กม.๒๕ จะมีทางแยกซ้ายมือป้ายจะบอกว่า ไปเขาแผงม้า (อ.วังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา)
เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่ง เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางนี้ จนถึง กม.๔๕.๕๐๐
ทางขวามือ จะมีป้ายบอกทางแยกเข้าสู่ วัดมกุฎคีรีวัน ทีนี้เส้นทางจะอยู่ในเขตวัด
ส่วนที่เป็นป่าใหญ่ ต้นไม้แต่ละต้นโต ๆ ร่มรื่น บางทีจะมีไก่ป่ามาเดินให้ชมตามเส้นทาง
ผ่านเขตวัดในป่าไปประมาณ ๒ กม. จะพบป้ายนามวัดขนาดใหญ่ มีพระสิวลีอยู่บนเขาหลังป้าย
เลยต่อไปจะผ่านกุฎิ หรือบ้านพักของคนมีสตางค์ ที่มาสร้างเอาไว้เพื่อมาปฎิบัติธรรม
สวย ๆ ทั้งนั้นเช่นเดียวกับวัดจีนแล หรือเวฬุวัน ที่ลพบุรี ที่ผมเคยเล่าให้ทราบไปแล้ว
และสังเกตว่า วัดอโศการาม ที่ปากน้ำ วัดจีนแล ที่ลพบุรี วัดมกุฎคีรีวัน เป็นวัดธรรมยุต
อยู่ในส่วนที่เป็นธรรมชาติคือ ยังเป็นป่าให้ชม วัดอโศการาม เป็นป่าชายเลน
อีก ๒ วัด เป็นป่าไม้เบญจพรรณ
เริ่มด้วย "ผ่านจุดที่กำลังสร้างพระมหาเจดีย์ มกุฎคีรีวัน บนยอดเขา"
ต่อจากนั้น ลงเขาไปยังกุฎิท่านเจ้าคุณ พระอาจารย์แดง ท่านรับรองแขกที่มาเยี่ยมที่ศาลาใกล้
ๆ กุฏิ ส่วนที่กุฎิไม้ที่สวยมาก และย้อยลงมาเหมือนม่านคือ ต้น "ประไหมสุหรี"
ติดกับศาลารับรองคือ ศาลาชั่วคราวประดิษฐานพระพุทธรูปหินหยกขาว " พระพุทธติโลกนาถ
มงกุฎธรรมคีรีวัน" เยื้องกันคือ ศาลาปานะพันธ์ ที่ศาลานี้นอกจากมีพระพุทธรูปประธานแล้ว
ยังมีตู้ที่เก็บรักษาอัฐิธาตุ ของพระเกจิอาจารย์หลายองค์ เช่น หลวงปู่เสาร์
หลวงปู่มั่น ฯ หลวงปู่แหวน เพื่อเตรียมนำไปบรรจุในพระมหาเจดีย์ ฯ
อุโบสถ สร้างเรียบง่าย งดงามอยู่บนเนินเขาที่สุดสำคัญคือ เวลานี้ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
และบรมอัฐิของรัชกาลที่ ๔ ซึ่งได้โปรดให้สร้างวัดมกุฎกษัตริยาราม ซึ่งทั้งหมดนี้จะนำไปบรรจุไว้ในพระมหาเจดีย์
ซึ่งนอกจากพระอัฐิธาตุแล้ว ยังมีพระพุทธรูปสี่สมัย ๔ อิริยาบถ
ภายในอาณาบริเวณของวัดยังมีสถานที่ต่าง ๆ อีกมากมาย ตั้งอยู่ห่าง ๆ กัน เพราะวัดมีเนื้อที่มาก
คงจะต้องวิ่งรถชมจึงจะไปทั่ว เช่น สวนรักขิตวัน, วิหารเล็ก สำหรับพระเถระ
กุฎิหลวงพ่อสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ หอระฆัง หอกลอง ศาลาปานะพันธ์ ศาลาโมฬี ศาลาเอนกประสงค์
ประดิษฐานพระพุทธชินราชจำลอง ศาลาครูจ้อย ที่ประดิษฐานพระปางเปิดโลก เห็นแล้วก็เกิดความศรัทธาอย่างยิ่ง
เหมือนเมื่อได้ไปที่วัดจีนแล อ.เมือง จ.ลพบุรี
พระพุทธมารวิชัยคีรีวันมงคล ชาวบ้านได้ขุดพบเมื่อ ๑๒ ส.ค.๒๕๔๑ แล้วนำมาถวายพระอาจารย์แดง
ปีนี้เป็นปีครบ ๗๒ พรรษาของรัชกาลที่ ๙ พระอาจารย์แดงได้จำลองพระพุทธรูปองค์นี้เอาไว้
ส่วนองค์จริงนั้นนำไปมอบให้ไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพิมาย องค์จำลององค์หนึ่งได้ถวายแด่
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นพระพุทธรูปที่สันนิษฐานว่า
มาจากแผ่นดินขอม สร้างสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ มีอายุกว่า ๘๐๐ ปี
พระมหาเจดีย์มกุฎคีรีวัน เป็นการสร้างเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา
ฯ ที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ ๔ รอบ ๔๘ พรรษา และเชิญเสด็จมาเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์
ทรงเททองหล่อพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร พระราชทานพระนามาภิไธย "ส.ธ." ประดับที่ผ้าทิพย์
การก่อสร้างดำเนินไปด้วยความล่าช้า ถามท่านเจ้าคุณบอกว่าขาดทุนทรัพย์ ผมแนะนำท่านว่าไม่ลองขอจากกองสลากกินแบ่งดูบ้าง
ท่านบอกว่าคงยุ่งยาก ผมก็เลยขอเชิญชวนท่านผู้อ่าน ไปเที่ยวชมวัดนี้ ไปนมัสการพระอาจารย์แดง
ที่สละทุกสิ่งทุกอย่าง บูชาแก่พระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง เมื่อตอนจะเข้าพรรษามีผู้มาอุปสมบทถึง
๙๐ รูป และลาสิกขาบท ในวันที่ผมไปเป็นส่วนใหญ่พอดี หากยังไม่มีโอกาสไปทำด้วยตนเอง
โอนเงินเข้าบัญชี สมทบทุนเจดีย์มกุฎคีรีวัน ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาปากช่อง บัญชี
๖๒๒ - ๒ - ๒๓๑๖๕ - ๓
ร้านอาหาร ร้านนี้มองแล้วเข้าตา ตั้งแต่วิ่งรถไปตามถนนธนะรัชต์ ผ่านร้านอยู่ประมาณ
กม.๑๒.๗๐๐ ทางซ้ายมือ เยิ้องฟาร์มโชคชัย สาขา ๓ โทร ๐๔๔ ๒๙๗ ๕๗๓, ๐๘๑ ๖๒๗
๘๗๗๗ ชิมแล้วไม่ผิดหวัง จานเด็ดๆ จริง ๆ ห้องอาหารมีทั้งห้องแอร์ และห้องในศาลาโล่ง
จัดร้านสวย ห้องสุขายอดเยี่ยม
กุ้งเขื่อนลำตะคองเผา (กุ้งแม่น้ำ) กุ้งตัวโตมาก ย่างอย่างดี เนื้อกำลังนุ่ม
เนื้อแน่น น้ำจิ้มรสเด็ด ย่างแล้วผ่าซีกใส่จานมา เห็นมันกุ้งสีเหลืองอ่อน
ตักมันสีอ่อนนี้คลุกข้าว ตามด้วยน้ำจิ้ม หรือน้ำปลาพริก ตามใจชอบ ตักเนื้อกุ้ง
ส่งเข้าปาก อย่าเสียเวลาพูดกับใครเชียว ราคากุ้งตาม นน. ตกตัวละ ๓๕๐ บาท ถูกกว่าทางบางปะอิน
และอีกหลายแห่ง
ปลาตะเพียนไร้ก้าง ทอดได้เก่ง ไร้ก้าง จบแล้วแทบไม่เหลืออะไร นอกจากก้างใหญ่
ระดับใกล้เคียงกับตาเม็ก ที่ อ.โคกสำโรง ลพบุรี มีน้ำจิ้มสามรส มาให้
แกงส้มชะอมทอดกุ้งนาง รสเข้มข้น สีแกงแดงเข้ม แต่ไม่เผ็ด ซดเด็ดนัก จะราดข้าวก็อร่อย
จะซดก็ดี กุ้งนางตัวโต เนื้อแน่น
ไก่บ้านทอดตะไคร้ อีกรายการที่อย่าโดดข้ามไป ไก่เนื้อนุ่ม ตะไคร้ทุบแล้วฉีกเป็นฝอย
เอามาทอดโรยหน้า พร้อมด้วยใบมะกรูดทอด ไก่หมักเครื่องเทศจนหอม
ยังมีอีกรายการ คนชอบเนื้อนกกระจอกเทศก็มี เนื้อกวาง (เลี้ยง) ผัดเผ็ดก็มี
เปบเพอร์สเต็ค เนื้อสันใน หรือเนื้อสันในกวางก็มี อาฆาตเอาไว้ก่อนจะตามไปชิมอีก
ปิดท้ายด้วย กล้วยหอมทอด และไอศกรีม
....................................................
|