น้ำตกนางครวญ
ก่อนที่ผมจะเล่าเรื่องการเดินทางไปอุทยานแห่งชาติลำคลองงู ซึ่งอยู่ที่อำเภอทองผาภูมิ
จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นการเดินทางต่อ หลังจากที่ไปชมฟาร์มแพะที่ใหญ่ที่สุดมาแล้ว
ซึ่งฟาร์มของนมแพะศิริชัย ก็อยู่ในอำเภอทองผาภูมิเช่นกัน จากฟาร์มแพะก็มานอนที่รีสอร์ท
จากนั้นก็เดินทางต่อมาพักยัง อุทยานแห่งชาติลำคลองงู ตอนนี้ขอแทรกเรื่องที่ได้รับความประทับใจ
มาเสียก่อน คือ เรื่องเพลง
"ขอเป็นคนดี"
เพลงขอเป็นคนดี ในชุดนี้มีด้วยกันทั้งหมด ๑๕ เพลง โรงเรียนแสงทวีปวิทยา ตั้งอยู่ที่อำเภอท่าเรือ
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้นำเพลงนี้ไปให้นักเรียนของโรงเรียน ซึ่งมีจำนวนหลายพันคน
ได้ร่วมกันร้องเพลง "ขอเป็นคนดี" ในตอนเช้าก่อนเข้าเรียนและในตอนพักเที่ยง
เรียกว่าร้องกันวันละสองครั้ง โรงเรียนแสงทวีปวิทยา เป็นโรงเรียนเอกชนตั้งมานานถึง
๕๒ ปี แล้ว เรียนว่าหากไม่ดีจริง คงจะอยู่ไม่ได้นานถึงเพียงนี้ และยังเป็นโรงเรียนเพียงในตัวอำเภอท่าเรือเท่านั้น
ไม่ใช่โรงเรียนเอกชนในตัวจังหวัด
เพลงขอเป็นคนดี และเพลงอื่น ๆ ทุกเพลงประพันธ์เนื้อโดย ศ.ดร. อุกฤษ มงคลนาวิน
ซึ่งเป็นประธานกรรมการบริหารพีระยานุเคราะห์ มูลนิธิที่แพทย์หญิง ดร.คุณ เพียร
เวชบูล ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๑ และเป็นประธานเรื่อยมาจนถึง พ.ศ.๒๕๒๗
ดร.อุกฤษ ฯ จึงมาเป็นประธานมูลนิธิ ฯ และท่านผู้นี้ในอดีต เคยเป็นประธานรัฐสภา
และอดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มูลนิธิพิรยานุเคราะห์ ได้ตั้งขึ้นในพระอุปถัมภ์ของ
สมเด็จพระศรีนครินทร์ทราบรมราชชนนี
สมเด็จย่า ของปวงชนชาวไทยได้เคยมีพระกระแสรับสั่งว่า "คนดีของฉันรึ จะต้องเป็นคนไม่พูดปด
ไม่สอพลอ ไม่อิจฉาริษยา ไม่คดโกง แต่พยายามทำหน้าที่ของตนเองให้ดี ในขอบเขตของศีลธรรม"
จึงถือว่าเป็น "อมตพจนาของสมเด็จย่า" ซึ่ง ศ.ดร.อุกฤษ มางคลนาวิน ประธานมูลนิธิได้นำมาประพันธ์เป็นเนื้อเพลงขอเป็นคนดี
ซึ่งเพลงนี้จะเป็นเพลงที่สำคัญปลูกฝังเยาวชน ให้มีจริยธรรม ศีลธรรม และคุณธรรม
ส่วนต่อไปอีก ๔ เพลง คือ เพลงชุดเด็กของครู และเพลงสุดท้าย ได้แก่ เพลงธงชัยไตรรงค์
เพลงที่ผมให้ความสำคัญเท่ากับ เพลงขอเป็นคนดี หรืออาจจะยิ่งกว่าสำหรับวันใน
พ.ศ.๒๕๔๘ คือ เพลงไทย ๔ ภาค "ในเพลงภาคใต้"
และ"เพลงทักษิณสันติสุข"
ซึ่งทั้งสองเพลงนี้ได้ประพันธ์ขึ้นมาเหมาะสมกับเหตุการณ์ใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้เหลือเกิน
ทั้ง ๆ ที่เพลงชุดนี้ประพันธ์ขึ้นก่อน ๔ มกราคม ๒๕๔๗ ซึ่งผมอยากได้ยินสถานีวิทยุกระจายเสียงของทางราชการ
เช่น เอฟ.เอ็ม ๙๒.๕ อยากเห็นภาพของมิวสิควีดีโอ ปรากฎบนจอแก้วของช่อง ๑๑ ในชุด
"ทักษิณสันติสุข" ซึ่งแผ่นที่เป็นมิวสิควีดีโอนั้น มีภาพของลีลาปประกอบเสียงเพลง
ในชุดที่งดงาม และเร้าใจผู้ชมเป็นอย่างดี และให้รวมกันว่าเราคือ คนไทย การแต่งกายในชุดทักษิณสันติสุขนั้น
เหมาะสมและงดงามเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งโรงเรียนแสงทวีปวิทยา ได้นำไปแสดงให้ผู้ชมกว่า
๓,๐๐๐ คน ได้ชมเมื่อตอนปิดภาคเรียนในปี ๒๕๔๗ ซึ่งการเแสดงและเสียงร้องของนักเรียนสะกดผู้ฟังกว่า
๓,๐๐๐ คน ให้เงียบได้ ชุดเพลงขอเป็นคนดีนี้ ประพันธ์ทำนองเพลงโดย วินท์ โอสถานนท์
เพลงขอเป็นคนดี ไม่มีจำหน่ายทั่วไปในท้องตลาด นอกจากผู้ที่จะมีความประสงค์ขอบำรุงมูลนิธิเรียกว่า
ต้องซื้อตรงจากมูลนิธิ ซึ่งสำนักงานตั้งอยู่ที่ ๓๑/๒ ซอยพหลโยธิน ๔๗ แขวงลาดยาว
เขตจตุจักร โทร ๐ ๒๙๔๐ ๗๐๐๐ - ๙ ขอสนับสนุนให้โรงเรียนต่าง ๆ
นำไปเปิดให้นักเรียนฟังบ่อย ๆ หรือทุกวันเหมือนโรงเรียนแสงทวีปวิทยาได้ยิ่งดี
ทีนี้พาไปอุทยานแห่งชาติได้แล้ว อุทยานแห่งชาติลำคลองงูนั้น ตั้งอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรี
ซึ่งการเดินทางไปชมคราวนี้ผมไปก่อนที่จะไปฟาร์มแพะ จึงไปตามเส้นทางที่เคยไปประจำคือ
ไปจากกรุงเทพ ฯ จากบ้านลาดพร้าว ก็ไปข้ามสะพานพระราม ๗ ไปตามถนนจรัลสนิทวงศ์
ไปเลี้ยวขวาที่สี่แยกบางพลัด ไปเข้าถนนบรมราชชนนี ไปถนนพุทธมณฑล เรื่อยไปจนถึงนครชัยศรี
นครปฐม บ้านโป่ง ท่ามะกา ท่าม่วง กาญจนบุรี ต่อจากนั้นก็ไปยังทองผาภูมิ ซึ่งผ่านแหล่งท่องเที่ยว
และแหล่งอาหารสำคัญสรุปได้ดังนี้
น้ำตกไทรโยคน้อย
หรือน้ำตกเขาพัง
จะอยู่ประมาณกิโลเมตร ๕๐ ทางขวามือ ส่วนทางซ้ายคือ ดงอาหารของกิน ของฝากมากมายหลายสิบเจ้า
และก่อนที่จะมาถึงบริเวณลานของกิน ของฝากของน้ำตกไทรโยคน้อย ก็จะถึงร้านไส้อั่วหมู
ไส้วุ้นเส้น ไส้กรอกอีสาน ไก่ย่าง และไส้อั่วแช่แข็ง เอากลับไปใส่ตู้เย็นไว้กินได้อีก
๒ เดือน
จากน้ำตกเขาพัง เลยมาก็จะมาถึงทางแยกเข้าน้ำตกไทรโยค ซึ่งที่ทำการอุทยานน้ำตกไทรโยคจะอยู่บริเวณเดียวกัน
กับน้ำตกไทรโยค และไทรโยคเล็ก ไปเมืองกาญจนบุรีทั้ง ๓ ครั้ง ในคราวนี้ไม่ได้แวะเข้าไปในบริเวณน้ำตกไทรโยคเลย
มีน้ำตกให้ชมตลอดปี
กิโลเมตร ๙๓.๘๐๐ ร้านอร่อย ราคาย่อมเยา บริการรวดเร็วทันใจ ยกให้คือ
ปลาแรด หรือปลาทับทิมสามรส เด็ดจริง ๆ รวมทั้ง แกงเผ็ดหมู เนื้อ พริกขี้หนู
ห่อหมกที่ร้านบอกว่า อร่อยที่สุดในโลก ปลารากกล้วย ไข่น้ำหากินยาก กินทีไรก็ไปนึกถึงสมัยเรียน
โรงเรียนนายร้อยวันไหนอาหารโรงเลี้ยงไม่ค่อยดี และมีสตางค์ติดกระเป๋าเกินกว่าหนึ่งบาท
(ใช้หมดไม่ได้ ไม่มีค่ารถกลับบ้าน) จะต้องไปกินไข่น้ำที่ร้านตามูล ร้านอาหรารสโมสรนักเรียนนายร้อย
ราคาชามละ "๑ บาท" เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๘ จนล่วงมาถึงวันนี้ผ่านมาจะครบ
๕๐ ปี แล้ว ยังหาไข่น้ำร้านไหนอร่อยเท่าร้านตามูล ไม่ได้เลย ร้านชนบทรส ใกล้เคียง
ได้ความว่าเจ้าของร้านทหารเก่าเหมือนกัน ไปกินครั้งแรกอีตาเจ้าของร้านบอกเลยว่า
แปดโมงเช้า ผมต้องยืนเคารพธงชาติทุกวัน และหากมาถึงพอดีเวลาเที่ยงอย่าลืมปิดท้ายด้วย
กระท้อนทรงเครื่อง ทำเก่งมาก แต่เกรงว่าจะไม่มีกระท้อนขายตลอดปี ฤดูกระท้อนอยุ่ระหว่างเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน
แต่เดี๋ยวนี้อาจจะมีกระท้อนทวายออกแล้วก็ได้ เพราะเกษตรกรไทยเก่ง เพาะไม่ได้ก็
เห็ดโคนเมืองกาญจนบุรีนี่แหละ ที่ยังเพาะไม่สำเร็จ ส่วนที่โฆษณาว่าเห็ดโคนญี่ปุ่นนั้น
อยากจะบอกว่าเรียก กันส่งเดชไปอย่างนั้นเอง รสชาติต่างกันหลายขุม
กิโลเมตร ๙๙ ก็เลี้ยวซ้ายเข้าพุตอง ไปชมฟาร์มแพะ
กิโลเมตร ๑๐๕ เลี้ยวขวาเข้าไปคือ พุน้ำร้อนหินดาด และหากเลยเข้าไปอีก ๙ กิโลเมตร
ก็จะถึงน้ำตกผาดาด แต่ไม่มีน้ำตลอดปี มีแต่ฤดูฝน ที่พุน้ำร้อน อบต. ดูแลอยู่
ลงอาบน้ำแร่ได้เสีย ๑๐ บาท อาบได้ ๔๕ นาที
กิโลเมตร ๑๐๖ เลี้ยวซ้ายเข้าไปก็จะไปยังสนามกอล์ฟและโรงแรม อยู่ริมแม่น้ำแควน้อย
สนามกอล์ฟก็อยู่ริมแควน้อยเช่นกัน เรียกว่าสนามกอล์ฟของเขาอยู่คนละฝั่งแม่น้ำ
ตีดีไม่ดีคงได้ตีตกน้ำกันบ้าง เป็นสนามปราบเซียนได้ ที่พักดีมาก อาหารเช้าดี
ในโรงแรม (ไม่ใช่ในห้องพัก) มีน้ำร้อนธรรมชาติให้อาบ เข้าใจว่าคงต่อท่อมาจากพุน้ำร้อนหินดาด
กิโลเมตร ๑๒๑ คือ สามแยกที่เมื่อแยกขวาจะไปยัง รีสอร์ท หากตรงไปจะเข้าตัวตลาดทองผาภูมิ
และตัวอำเภอทองผาภูมิ รวมทั้งเลยต่อไปยังเขื่อนเขาแหลม
หรือเขื่อนวชิราลงกรณ์ และเลยต่อไปยังบ้านอีต่อง
ตำบลปิล๊อค ก็ไปตามเส้นทางนี้
จากสามแยก หากเลี้ยวขวาก็จะไปตามเส้นทางที่จะไปยัง อุทยานแห่งชาติลำคลองงู
ไปอำเภอสัลขละบุรี ไปวัดวังวิเวการาม
และไปบ้านด่านพระเจดีย์สามองค์
เมื่อเลี้ยวขวามาได้ประมาณ ๒ กิโลเมตรเศษ มองป้ายให้ดี ๆ ก็จะเลี้ยวซ้ายไปยังรีสอร์ท
แต่ที่พักดีเยี่ยม อาหารมอญอร่อยมาก "น้ำพริกกะปิมอญ" ยกให้ ๕ นิ้วเลย แต่หากน้ำในลำธารมากจะไม่รับแขก
เพราะกลัวน้ำป่าพรวดพราดมา จะพัดเอาแขกที่พักไปลงแควน้อย
จากรีสอร์ท ต่อไปตามถนนสายไปสังขละบุรี ซึ่งช่วงนี้ถนนจะคดโค้งไปตามไหล่เขา
ผ่านที่พักและอาหารอีกแห่ง ที่กิโลเมตร ๖.๕ ผมยังไม่เคยเข้าไปพัก แต่เขาประชาสัมพันธ์ว่า
ที่พักดีอยู่ริมธารอู่ล่อง และมีอาหารญวนจำหน่าย วันหลังจะลองไปพักเพราะเห็นรูปแล้ว
ที่พักอยู่ริมน้ำสวยดี จะไม่สวยก็ตอนน้ำป่ามาเท่านั้น บ้านอาจจะกลายเป็นแพไป
กิโลเมตร ๑๓ คือ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติวิทยา
ช่วงนี้จะผ่านและมองเห็นชมวิวของทะเลสาบ ในเขื่อนวชิราลงกรณ์ ไปเป็นระยะ ๆ
บางจุดก็บอกไว้ว่า เป็นจุดชมวิว
กิโลเมตร ๒๖ คือ สถานีอนามัย เกริงกระเวีย ซึ่งเป็นสถานีอนามัยของบ้านเกริงกระเวีย
ให้เลี้ยวขวาเมื่อเลยสถานีอนามัย มาสัก ๕๐๐ เมตร มีป้ายบอกว่าไปอุทยานแห่งชาติลำคลองงู
ถนนจะพุ่งขึ้นเขา ทางชันแต่รถเก๋งไปได้ ขับดี ๆ หน่อยก็แล้วกัน ผ่านวัดพุทโธภาวนา
วัดทิพเยโกวนาราม ที่ตำบลชะแล เข้ามาได้ ๑๖
กิโลเมตร ก็เลี้ยวขวาไปอีก ๔ กิโลเมตร คราวนี้เป็นถนนลูกรัง สองข้างทางปลูก
"สะตอ" และยางพารา วันที่ไปมีชาวสวนเก็บสะตอ และลิ้นจี่มาขายข้างทาง
แต่มีไม่กี่เจ้า
รวมระยะทางจากปากทางที่เลี้ยวเข้ามาจนถึงที่ทำการอุทยานประมาณ ๒๐ กิโลเมตร
ส่วนที่พักของอุทยานนั้น เป็นที่พักอย่างดีเลย อยู่เลยเข้าไปอีก ๑ กิโลเมตร
รถเข้าถึงแค่ริมธารน้ำตก จากนั้นต้องเดินข้ามสะพานที่ข้ามน้ำตกขึ้นไปยังบ้านพัก
แต่หากรถโฟร์วีลอาจจะนำรถขึ้นไปถึงหน้าบ้านพักได้ ที่ต้องเป็นรถโฟร์วีลเพราะต้องลุยข้ามลำน้ำไป
จะให้เหมาะก็เดินขึ้นเนินไปดีกว่า ถ้าผมขึ้นได้ท่านผู้อ่านทุกท่านต้องขึ้นไหวแน่
ติดต่อสอบถามรายละเอียดจากอุทยาน ๐ ๒๕๖๒ ๐๗๐๖ และ ๐ ๒๕๗๙ ๕๒๖๙
รวมทั้งการจองที่พักและสั่งอาหารด้วย เพราะอาหารไม่มีขาย ต้องสั่งให้เขาทำให้ทั้ง
๓ มื้อ ซึ่งรายการอาหารนี้จะไม่รวมกับค่าที่พัก ซึ่งอาจจะต้องจ่ายเมื่อได้จองที่พักจากกรุงเทพ
ฯ เพราะอาหารทำโดยพนักงานอุทยาน โดยบรรดาแม่บ้านหรือพนักงานหญิง จะมาช่วยกันทำอาหารและบริการอย่างดีเลยทีเดียว
ส่วนเครื่องดื่มนั้นมีให้แต่น้ำ เราต้องเตรียมไปไม่ว่จะเป็นพวกน้ำแข็ง โซดา
สุรา เบียร์ เหล้า เอาไปเอง ส่วนไฟฟ้าทางอุทยานจะเปิดเครื่องทำไฟให้บริการถึงเวลาประมาณ
๒๑.๐๐ แต่หากต่อรอง คุยกับเจ้าหน้าที่คุมเครื่องทำไฟฟ้าให้ดี ๆ อาจจะนั่งซดกันได้ถึง
๕ - ๖ ทุ่ม เช่น ชุดของพวกผม ขอต่อกันทีละชั่วโมง สุดท้ายบอกว่า ตามสบายเถอะ
เลิกเมื่อไหร่ผมจะมาดับเครื่องทำไฟ "สาธุ ของคุณ"
เราไปถึงที่ทำการอุทยานตอนเที่ยงพอดี เลยยังไม่ไต่ขึ้นไปบนบ้านพัก กินกลางวันแล้ว
เดินเลาะริมธารน้ำไปอีกประมาณ ๗๐๐ เมตร แต่เป็น ๗๐๐ เมตร ที่ทารุณสำหรับวัยอย่างผม
เห็นหนุ่มสาวเขาเดินกันปร๋อ เลยไปถามพวกที่เขากำลังกลับมาว่าไกลไหม เขาบอกว่าไม่ไกล
เดินสบายค่ะคุณลุง (คุณปู่) แต่ไปเข้าจริง ๆ ผมแย่กว่าเพื่อนเพราะหยิบรองเท้ามาผิดคู่
เลยไต่ลำบากหน่อย แถมตอนถ่ายภาพน้ำตกซึ่งจะต้องไต่ลงไปจึงจะได้ภาพสวย เพราะน้ำตกมีหลายชั้น
เราเดินไปน้ำตกนั้นเหมือนเราเดินจากต้นน้ำ ซึ่งตอนไหลผ่านที่พักก็เป็นสายธารธรรมดา
ๆ พอไป ๗๐๐ เมตร ก็เริ่มตกลงไปชั้นที่ ๑ บอกว่ามีทั้งหมดถึง ๕ ชั้น
ผมสู้ไม่ไหว ตอนถ่ายภาพวานหนุ่ม ๆ ช่วยถ่ายให้ กล้องดิจิตอลเขาไปหมุนไว้ที่วีดีโอ
ภาพออกมาเลยอัดภาพนิ่งไม่ได้เพราะกลายเป็นภาพวีดีโอไป มีเสียงคน
พูด
เห็นภาพน้ำตกชัดเจน แต่ไม่สามารถอัดภาพนิ่งออกมาได้ และภาพน้ำตกไม่ได้มีขายตรงไหนเลยหาภาพมาให้ท่านชมไม่ได้
ตอนเดินกลับยิ่งทรมานสังขาร แต่คนหนุ่มสาวที่อายุน้อยกว่าผมเขาเดินกันสบาย
ๆ ไม่ลำบากอย่างผม อยากจะเปลี่ยนชื่อน้ำตกจาก "นางครวญ" เป็น "น้ำตกปู่ครวญ"
มื้อกลางวันที่สั่งจากกลุ่มแม่บ้านหรือพนักงานของอุทยานแห่งชาติ ฯ ไปถึงพอดีหิว
ก่อนเดินไปน้ำตกก็จัดการกับอาหารกลางวันที่อร่อยจริง ๆ ไม่ใช่อร่อยเพราะความหิว
มีปลาสีกุนราดพริก ต้มยำน้ำใสเป็นต้มยำไก่ใส่น้ำพริกเผาผัดถั่วงอกกับเต้าหู้
และอาหารจานหลักของคนไทย คือ ไข่เจียว ร้อน ๆ อร่อยพิลึก
ตอนบ่าย หลังจากที่อิ่มอาหารกลางวันแล้ว กลับออกไปนอกอุทยาน ยังไม่ขึ้นที่พัก
กลับออกมาไม่ไกลก็จะผ่านหน่วยผักปลอดสารพิษ ต่อไปก็ไปยังบ้านห้วยเสือ
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ที่มีชื่อเสียงลือลั่น
แต่ไม่พบสัตว์ป่าออกมาเดินให้ขมคงได้ชมแต่สำนักงานที่อยู่ในป่าดงที่สมบูรณ์
และเลยออกไปจากสำนักงานเขต ฯ ประมาณ ๑๐ กิโลเมตร จะเป็นจุดที่สูงที่สุดของกาญจนบุรี
อยู่ในเขตของทุ่งใหญ่นเรศวร ผมเคยไปทาง "ฮ." ในเขตทุ่งใหญ่หลายครั้ง เพื่อสำรวจชายแดน
เพื่อปฏิบัติการยุทธศาสตร์พัฒนา และได้เห็นทุ่งใหญ่ที่โล่งเตียนเพราะการตัดไม้ทำลายป่า
จากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ ฯ ก็กลับมายังสถานที่แต่งแร่ หยุดกิจการไปแล้ว แร่ยังมี
แต่หมดสัมปทาน กำลังยื่นขอใหม่คือ เหมืองแร่คลิตี้ มาแล้วได้ทราบว่าที่นี่คือโรงแต่งแร่
ส่วนตัวเหมืองแร่นั้นอยู่ไกลออกไปอีก ที่บริเวณโรงแต่งแร่นี้เขาสร้างบ้านรับรองไว้บนเนินเขา
สวยน่าพัก เขาบอกว่าหนาวดี วันที่ไปวันนี้ไปชมบริเวณของเขาเฉย ๆ ชมบ้าน
ชมวิวแล้วก็กลับมาที่โรงเรียนบ้านทุ่งเสือโทน ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเสือโทน ก็บอกอยู่แล้วว่าเสือตัวเดียว
แต่คลิตี้แปลว่าเสือโทน
กลับมายังบ้านพักของอุทยานแห่งชาติลำคลองงู ที่เมื่อตอนกลางวันมากินข้าวไปมื้อหนึ่งแล้ว
และสถานที่ท่องเที่ยว ในอุทยานมีอีกหลายแห่ง ได้แต่ดูรูปจากโบชัวร์ที่เขาให้ตอนผ่านป้อมยาม
หมดแรงที่จะไปต่อได้ คนหนุ่มคนสาวควรไปค้างสัก ๒ คืน เที่ยวให้เต็มที่อีกสักวัน
เช่น ถ้ำเสาหินที่มีเสาหินสูง ๖๑ เมตร เป็นถ้ำที่มีรังนกนางแอ่น ไปน้ำตกคลิตี้
ถ้ำใหญ่ และลำคลองงู ไปเดินป่า ชมธรรมชาติ ดูนก
อาหารมื้อเย็นที่พนักงานเดินเครื่องทำไฟใจดีเปิดไฟให้กินดื่มกันตามสบาย มีดังนี้
ปลานิลตัวโตทอดกระเทียมพริกไทย แกงจืดยอดฟักแม้วกับซี่โครงหมู ผัดผักบุ้งผัดแล้วยกมาให้ร้อน
ๆ เลยทีเดียว แกงป่าไก่จะซดหรือจะราดข้าวดีทั้งนั้น น้ำพริกกะปิแต่คราวนี้ไม่ใช่น้ำพริกกะปิมอญ
เป็นน้ำพริกไทยแต่อร่อย อิ่มแล้วขึ้นไปนอนบนบ้านพักที่มี ๓ ห้องนอน นอนกันอย่างสบาย
พอเช้าขึ้นมาจัดการกับตัวเองเรียบร้อยแล้ว ก็แบกกระเป๋าเดินลงมา ส่วนผมเป็นผู้อาวุโสมีน้อง
ๆ ที่มีความหนุ่มมากกว่าผม ไม่ยอมให้ผมหิ้ว บอกว่าพี่เอาตัวให้รอดก็แล้วกัน
พวกผมจัดการเอง
อาหารเช้าคือ ข้าวต้มหมู และยังมีข้าวต้มปลา มีกับข้าวอีก ๓ อย่างคือ ถั่วฝักยาวผัด
หมูทอด และไก่ทอด ไข่เจียวอาหารหลัก ซดแค่ข้าวต้มหมูก็อร่อยแล้ว ซดร้อน ๆ
ตอนเช้าล้างพิษเมื่อคืนได้หมด
อิ่มแล้วออกเดินทางต่อไปยังด่านพระเจดีย์สามองค์
ด่านที่ชื่อนี้คงจะคุ้นหูคนไทย
พากลับมาชิมอาหารที่กรุงเทพ ฯ บอกล่วงหน้าไว้ก่อนว่าร้านนี้อร่อยจริง ๆ
เส้นทาง หากตั้งต้นจากสี่แยกเกษตรศาสตร์ เลี้ยวขวาไปตามถนนเกษตรศาสตร์ - นวมินทร์
ไปตามถนนสายนี้ นับแยกที่จะผ่าน จะผ่านสี่แยกที่ ๑,๒,๓ พอสี่แยกที่สี่คือทางด่วนรามอินทรา
ลอดใต้ทางด่วนแล้วตรงไป มองทางซ้ายจะเห็นร้านอาหาร วิ่งต่อไปอีกนิดจะมีช่องให้กลับรถ
พอกลับรถแล้วจะวิ่งผ่าน เงยหน้ามองขึ้นไปจะเห็นกุ้งตัวโตอยู่เหนือป้าย ชิดซ้ายแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางแยกแคบ
ๆ เข้าไปมีลานจอดรถกว้างขวาง หากมาจากถนนลาดพร้าว พอเลยลาดพร้าว ซอย ๗๑
ก็จะเห็นถนนประดิษฐมนูธรรมที่เลียบทางด่วน เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสายนี้ไปจนถึงสะพานข้ามสี่แยกก็เลี้ยวซ้ายไปกลับรถมาลอดใต้ทางด่วนซ้ำกับเส้นทางแรก
หรือจะมาจากถนนนวมินทร์ก็ได้ ปูของเขาเป็นปูธรรมชาติ ไม่ใช่ปูเลี้ยงและเป็นปูคลองด่าน
ตัวโตมาก ร้านเปิดทั้งมื้อกลางวันและมื้อเย็น ตอนเย็นนั่งที่ระเบียงดูรถ ชมวิวรับอากาศบริสุทธิ์
สบายกว่าห้องแอร์
ปูกระแทกไข่ ชื่อพิกล เอาปูทะเลไข่ ปูจากคลองด่าน ตัวโตมาก แต่ละตัวร่วมกิโลกรัมหรือมากกว่าปู
ขนาดนี้เขาขายกันทั่วไปตกกิโลกรัมละ ๘๐๐ บาท เอาปูไข่ตัวโตมาผัดกับไข่เค็ม
สับปูมาเป็นชิ้นใหญ่ ๆ หากเราเป็นผู้อาวุโสให้ยึดครองก้ามปูเสียก่อน มันด้วยไข่ปู
ไข่เค็ม (ไข่แดง)
กุ้งแชบ๊วยผัดพริกขี้หนู เป็นพริกขี้หนูสดจากจันทบุรี ร้านนี้จะใช้วัตถุดิบดี
ๆ ทั้งนั้น ผัดกับต้นหอม
ปูไข่หลน เสริฟมาในจาน จัดผักสดมาน่ากินนัก คลุกข้าวอร่อยอย่าบอกใคร จานนี้อย่าข้ามไป
ยำสี่แซ๊บ สาว ๆ ชอบกันนัก รวมทั้งหนุ่ม ๆ ทั้งหลายด้วย คอสุราก็ชอบอีกเพราะเป็นกับแกล้มชั้นดี
สี่แซ๊บมีเนื้อปลา ปลาหมึก กุ้ง และหอยนางรม จัดใส่จานช่อง แนมด้วยผักกระถิน
รสจะออกหวานเมื่อกินกับหอยนางรม
เย็นตาโฟปากอ่าว มีเห็ดหอม เปาฮื้อเส้น (เคี้ยวหนุบ ๆ) ปลิงทะเล กุ้ง ปลาหมึก
ปรุงรสสแบบเย็นตาโฟแห้ง ครบสามรส
จานสุดท้ายที่สั่งมาชิมคือ ปลากะพงเบรกแตก กะพงผัดพริกแกง มีเครื่องสมุนไพรโรยมาข้างบน
จานนี้เคี้ยวสนุกสนาน ทอดปลาเกรียมนอกนุ่มใน รสจัดจ้าน เคี้ยวมัน กินแล้วหยุดไม่ได้จนกว่าจะหมดจาน
ซดน้ำร้อน ๆ แต่ควรจะไปหาหลายคนหน่อยคือ "เต๋าเต้ย" ทำได้หลายอย่าง สั่งแป๊ะซะบ๊วย
เต๋าเต้ยหรือปลาจารเม็ดสีเทา ขนาดกำลังอร่อยต้องหนัก ตั้งแต่ ๑.๒ - ๑.๕ กิโลกรัม
เนื้อจะพองแน่น เนื้อปลาจะสีขาวหนาจิ้มน้ำเต้าเจี้ยววิเศษนัก เต๋าเต้ยจะทำต้มยำก็ได้
ต้มบ๊วย ราคาเต๋าเต้ย มาตราฐานกิโลกรัมละ ๑,๐๐๐ บาท
อาหารกุ้ง อาหารปลาทะเลแยะจริง ๆ กั๊งก็มี แมงดาทะเลยังมีเลย ให้เขายำไข่แมงดาทะเลให้ชิมก็วิเศษนัก
หากเดินขึ้นห้องแอร์จะผ่านแผงอาหารสด ๆ ไปชี้เอาก็ได้ ว่าจะเอาขนาดไหน นอกจากที่กล่าวมาแล้วยังมีปลากุเลาเจี๋ยน
กุ้งแก้วทอด (กับแกล้มดี) ปูไข่ผัดซ๊อสอ่าวสยามหรือจะเอียงไปทางฝรั่ง มีขาหมมูเยอรมัน
ถ้าไม่กินข้าวสวย ข้าวอบเผือกของเขาก็ดีอีก หอมกลุ่นด้วยกลิ่นเผือกใกล้บ้านเลย
ไปชิมกันหลายครั้ง คิดอะไรไม่ออกสั่งก๋วยเตี๋ยวราดหน้ามาชิมดู แทบบจะไม่ต้องเติมเครื่องปรุง
ของหวานเผือกหิมะ หากสั่งแล้วบอกว่าหมดหรือมาช้าก็เห็นใจเขาด้วย เพราะต้องใช้เวลากว่าจะทำให้เผือกสุกพอดี
และต้องให้น้ำตาลเกาะเป็นเกล็ดยังกับหิมะจับ หรือจะสั่งกล้วยหอม ไอศครีมทอดก็หวานอร่อยไปอีกแบบ
..............................................
|