เกาะนางยวน
เกาะนางยวน ตั้งอยู่ที่ ๔๖ หมู่ ๑ ต.เกาะเต่า อำเภอเกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี
ได้รับการยกย่องมาช้านานแล้วว่า "มีความสวยงามติดอันดับ ๑ ใน ๑๐ ของโลก "
เพราะงามด้วยหมู่เกาะเล็ก ๆ ๓ เกาะ ที่มีสันทรายขาวสะอาดเชื่อมระหว่างเกาะทั้ง
๓ เดินไปมาหาสู่กันได้ประดุจถนนสายธรรมชาติ ส่วนที่พักที่มีเพียงแห่งเดียวคือ
เกาะนางยวน ไดฟ์ รีสอร์ท ถือว่าเป็นบ้านพักที่เคียงคู่กันกับเกาะสวรรค์แห่งนี้
มีเพียงแห่งเดียวเพราะกลุ่มเกาะนางยวนนี้ เอกชนได้เช่าจาก "กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง"
จึงมีสิทธิในพื้นที่เรียกว่า ผูกขาด แต่การจัดการ การบริการต้องยกให้ยอดเยี่ยม
รวดเร็ว อาหารอร่อยมาก ที่พักซึ่งมีทั้งแบบเมาท์เท่นวิว และห้องพักซีวิว มีกิจกรรมความบันเทิง
ได้แก่ การดำน้ำชมโลกใต้ทะเล การพายเรือคายักรอบเกาะ ไปตกปลา ตกหมึก สอนดำน้ำ
มีวี ดี โอ ให้ยืมฟรี เอาไปดูในห้องพัก เพราะมีทีวี แต่รับไม่ได้ รับได้เฉพาะที่ห้องอาหาร
น้ำจืดบริบูรณ์ (นำน้ำมาจากเกาะเต่า) มีไฟฟ้าตลอด ๒๔ ชั่วโมง บ้านพักทุกหลังปลูกกลมกลืนกับธรรมชาติ
และพระอาทิตย์ตกหลังสันทรายคือ หนึ่งในมุมสุดสวยของเกาะนางยวน ส่วนความงามของพระอาทิตย์ขึ้นนั้น
ต้องออกแรงขึ้นไปชม ณ จุดชมวิวบนยอดเขาหลังที่พัก
ขอทบทวนการเดินทาง ซึ่งเคยบอกไปแล้วเอาไว้ด้วย ผมซื้อแพคเก็จของเกาะนางยวน
ไดฟ์ รีสอร์ท ๐๒ ๖๒๙ ๒๕๗๑, ๐๗๗ ๔๕๖ ๐๘๘ - ๙๓ ในราคาคนละ ๓,๗๐๐ บาท ราคานี้รวมทั้งค่าเรือไปเกาะโดยเรือเร็ว
"ลมพระยา" (มีห้องสุขาในเรือ) อาหารสามมื้อ พาเที่ยวรอบเกาะเต่า ค่าห้องพัก
๑ คืน ฯ แต่เผอิญวันที่ไปเรือลมพระยาเสียไปลำหนึ่ง ทัวร์จึงเปลี่ยนเรือเป็นเรือจากท่าเรือ
ซีทราน ซึ่งต้องไปลงเรือที่ปากน้ำ (เดิม) เรือลำนี้รับนักท่องเที่ยว (ฝรั่ง
มากกว่าไทย) ไปยังเกาะเต่าใช้เวลา ๑/๑/๒ ชั่วโมง ส่ง - รับ ผู้โดยสารแล้วไปอีก
๑ ๑/๒ ชั่วโมง จะไปยังเกาะพงัน แล้วไปสุดปลายทางที่เกาะสมุย วิ่งกลับมาตามเส้นทางเดิม
เรือมีวันละ ๒ เที่ยว โทร ๐๗๗ ๒๕๑ ๐๕๒ เรือจุผู้โดยสาร ๒๔๐ ที่นั่ง มีห้องวี
ไอ พี ให้นั่งที่ชั้นบน แต่ไม่เก็บสตางค์เพิ่ม มีเครื่องดื่มจำหน่าย เรือออกเจ็ดโมงเช้า
เราเตรียมแซนวิชของเราไปด้วย ซื้อแต่กาแฟ แก้วละ ๒๐ บาท ร้อนโฉ่ชื่นใจ มีสุขาที่ท้ายเรือ
ส.ว. เข้าห้องน้ำบ่อยไม่ต้องกลัว แม้ฝนจะตก แต่ลมไม่แรง เรือวิ่งเลียบ ผ่านเกาะใกล้ฝั่งจนถึงท่าเรือ
ที่เกาะเต่า "เรียกว่า หาดแม่หาด" เมื่อลงจากเรือแล้วก็จะมีเรือหางยาวจากรีสอร์ทเกาะนางยวน
ชูป้ายมาคอยต้อนรับที่ชายหาด การไปเที่ยวกับเรือหางยาว หรือตอนเดินทางไปกับเรือนี้
ควรใส่รองเท้ายางที่ลุยน้ำได้ แต่รองเท้าแตะไม่เหมาะ รองเท้ายางรัดส้นดีที่สุด
เช่น ตอนจะขึ้นเรือหางยาว (มีหลังคาผ้าใบ) ต้องเดินลุยน้ำไปหน่อยหนึ่ง คณะของผมไปกันสี่คน
มีคณะอื่นอีก ๙ คน จะไปพักที่เดียวกัน แต่เขาพักที่เกาะเต่ามาก่อน ๑ คืน ไม่ได้มาเรือจากชุมพรลำเดียวกัน
เรือไม่แน่น ชุดที่เผอิญมาด้วยกันนี้ พร้อมทั้งพ่อแม่ ลูก พี่น้อง ชอบดำน้ำกันทุกคน
และมีน้ำใจ นอกจากเล่าเรื่องเกาะเต่าให้ฟังแล้ว เวลาขึ้นลงเรือยังอนุเคราะห์
ส.ว.อย่างผม เพราะหัวหน้าทีมของเขานั่งใกล้ ๆ ผม เลยคอยฉุดมือเวลาจะขึ้นจากเรือ
ส่วนตอนลงเรือผมกับเลขา ฯ สบายมาก เพราะลูกชาย ๒ คนไปด้วย โดยเขาไม่ได้เอาลูกเมียของเขาไป
บริการพ่อแม่ ได้เต็มที่ เรียกว่า พ่อแม่ ลูก ไม่ได้เที่ยวด้วยกันแบบนี้ คงจะนานเกิน
๒๐ ปี
พอลงเรือหางยาวแล้ว เรือพาเที่ยวทันที แต่ก่อนอื่นพาไปเข้าที่พักเสียก่อน
เข้าที่พักที่เกาะนางยวน ได้เข้าห้องน้ำ เดินตามสันทรายจากเกาะเล็กที่สุด
ที่เป็นสำนักงานไปบ้านพักที่เกาะทางตะวันออก มีพนักงานแบบกระเป๋าให้เสร็จเรียกว่า
บริการยอดเยี่ยมทุกขั้นตอน ห้องพักเป็นบังกาโล ปลูกบนไหล่เขา ทุกหลังจะมองเห็นทะเล
เห็นอ่าวระหว่างเกาะ หลังเล็ก ๆ มีเตียงเดี่ยว เตียวเดียว มี ทีวี ,วี ดี
โอ ห้องน้ำ ระเบียงชมวิว ระหว่างบ้านพัก มีทางเดินเป็นสะพานไม้เลียบชายเขา
และมีบันไดไม้ที่จะขึ้นเขาไปยังจุดชมวิว "ไปเกาะนางยวน ต้องขึ้นไปชมวิวบนยอดเขา
หลังที่พักให้ได้" จึงจะมองเห็นความงามที่ยกย่องว่า เป็นหนึ่งในสิบของโลก
อย่างชัดเจน เมื่อเข้าห้องพักแล้ว ก็เดินกลับมายังสำนักงาน ไปกับเรือหางยางลำเดิม
มีไกด์ ซึ่งเป็นนักดำน้ำและหัวหน้าอนุรักษ์ธรรมชาติ อธิบายให้ความรู้ดี คนเรือก็อัธยาศัยดี
เรือจอดทีไรเล่นน้ำทุกที
จุดแรก วิ่งเรือไปนิดเดียวก็จอดให้ลงน้ำมีชูชีพ มีสนอร์เกล ให้พร้อม จุดนี้ถือเป็น
High Light ของนางยวน เป็นปะการังน้ำตื้น "สวนญี่ปุ่น"
มีปะการังใหญ่เป็นสีสวย มีฝูงปลาลายเสือ และปลานกขุนทอง มาว่ายอยู่ข้างเรือ
คนเรือมีขนมปังให้แต่ไม่มากนัก โปรยขนมปังลงไป ปลาจะมาแย่งกันกิน หากวางบนมือให้ก็จะมากินที่มือ
แต่ขนมปังเขามีให้ไม่มาก จะให้ดีขนซื้อของเราไปด้วยแหละดี เพราะทุกจุดที่จอดรวมทั้งข้างห้องอาหารของรีสอร์ท
จะมีปลานานาชนิดมาว่ายให้ชม และกินขนมปัง จบจุดที่หนึ่ง
จุดที่สอง จากเกาะนางยวนวิ่งไปสัก ๑๕ นาที ก็ถึงเกาะเต่า ทีนี้จะวนรอบเกาะเต่า
พอดีเที่ยงเรือจะพาไปยังอ่าวมะม่วง อ่าวสวยงามของเกาะเต่า ไปกินอาหารกลางวันที่ผมเล่าไปแล้ว
อาหารไทยเจ้าของเป็นอิตาเลี่ยน อิ่มแล้วไปต่อ
จุดที่สาม อ่าวเทียนออก เกาะเต่าหรืออ่าวฉลาม ระหว่างทางรอบเกาะเต่านี้ หากไม่เป็นชายหาดที่ไม่ยาวนักแต่สวยมาก
ก็จะเป็นหินก้อนใหญ่ ๆ ที่เหมือนไหลตกลงมาจากยอดเขา เมื่อสักหมื่นปีมาแล้ว
มากองทับถมกัน สวยจนยากจะบรรยายและก่อให้เกิดภาพแปลก ๆ เช่นเหมือนหน้าคนก็มี
เหมือนหินตาหินยายที่เกาะสมุยก็มี ตั้งโด่เด่น่ากลัวล้มก็หลายจุด ที่อ่าวฉลามนี้มีเกาะเล็ก
ๆ โดดเดี่ยว ส่วนตรงอ่าวให้ลงดำน้ำ ชมหินกองปะการังใต้น้ำ คนเรือบอกว่าตรงนี้จะมีฉลามที่ไม่กินคนอยู่ประมาณ
๒๐ ตัว ว่ายวนอยู่ใต้น้ำ มีปะการัง ก็มีอาหารปลามาก แต่ดำลงไปแล้วเจอตัวเดียวยาวเมตรเศษ
ๆ
จุดที่สี่จุดเรือจม ให้ลงดำน้ำชมซากเรือจม ที่จมมานานนับสิบปีแล้ว จุดนี้นอกจากดำน้ำชมซากเรือจม
ชมปะการัง ยังได้ชมฝูงปลาที่มีมากยิ่งกว่าจุดอื่น ปลาที่เวียนว่ายไปตามซอกปะการังนั้นสวยงามอย่างยิ่ง
จุดนี้ได้เห็นปลาดาว ๑ ตัว
จบการท่องเที่ยว พาเล่นน้ำ ดำน้ำ ชมปะการัง ดูฝูงปลา พอดีบ่ายประมาณสัก ๑๖.๐๐
ก็กลับมายังที่พัก เดินจากสำนักงานมาตามสันทรายจะมีจุดสามแยก หากเลี้ยวซ้ายก็จะผ่านอ่าวที่ปลาชุมนั่นแหละ
ถึงบอกว่าซื้อขนมปังของเราไปเองบ้าง ก็จะได้ดูปลาได้เต็มที่ เกาะนางยวนมี
๓ อ่าวเท่าจำนวนกลุ่มเกาะ ตรงจุดบรรจบหากเดินเลี้ยวขวาก็จะเดินไปอีกอ่าวหนึ่ง
ด้านหลังหรือหน้าสำนักงานมีอีกอ่าวหนึ่ง บรรยายไม่ถูกบอกได้คำเดียวว่าแต่ละอ่าวสวยมาก
จุดนี้จะมายืนมองพระอาทิตย์ตกยามเย็นก็ได้ หากเรี่ยวแรงดีให้ขึ้นไปชมวิวกัน
๒ เวลาคือ ตอนเย็นกับตอนพระอาทิตย์ขึ้น
ขึ้นเขาไปจุดชมวิว จุดนี้อยู่บนเกาะทางตะวันออกของสำนักงาน เป็นเกาะน้อยแต่ใหญ่กว่าอีก
๒ เกาะ และทุกเกาะที่ชายน้ำหากไม่ใช่หาดทรายก็จะมีกองหินที่เหมือนคนตกลงมาเช่นเกาะเต่าทุกเกาะ
ถ่ายรูปกันไม่รู้จักเบื่อก็แล้วกัน หากเป็นกล้องดิจิตอล ก็เตรียมแผ่นดิสต์เอาไปอะไหล่ด้วย
๒ - ๓๐๐ รูป ขึ้นไปนั่นแหละจึงจะพอสะใจ
ทางขึ้นเขาไปสู่จุดชมวิว เดินไปตามสะพานไม้หน้าห้องพักสัก ๒๐ เมตร ก็จะพบทางขึ้นเขาช่วงแรกที่เป็นบันไดไม้
มีไฟส่องเวลากลับลงมามืดแล้วด้วย กัดฟันท่องคาถาไม่ให้หัวใจวาย คือท่องว่าต้องขึ้นให้ได้
ไม่เช่นนั้นจะไม่ได้เห็นความงามติดอันดับโลก ขึ้นไปสักครึ่งทางก็จะหมดบันไดไม้
ทีนี้เป็นบันไดหินสั้น ๆ แคบ ๆ ไปจนนถึงยอด จะเป็นหินก้อนใหญ่ ต้องให้คนแข็งแรงขึ้นก่อนแล้วช่วยฉุดขึ้นไป
พอมองลงมาจะเห็นพื้นน้ำสีน้ำเงิน เห็นกลุ่มเกาะทั้ง ๓ เกาะและเกาะเต่า มองเห็นอ่าว
๓ อ่าว สันทรายที่เป็นถนนธรรมชาติจะเห็นเป็นรูปตัว y ลมพัดเย็นสบาย ขึ้นมาคุ้มค่าจริง
ๆ เมื่อกลับลงมาให้เลี้ยวขวาเดินไปตามสะพานไม้จนสุดทาง ไม่มีท่าเรือตรงนี้จะเป็นจุดที่ใกล้เกาะเต่าที่สุด
ห่างประมาณ ๓๐๐ เมตร พอดีได้เวลาอาหารเย็น
อาหารเย็น ที่ห้องอาหารของรีสอร์ทจุคนได้นับร้อย แต่บริการรวดเร็วมาก จัดอาหารให้เป็นชุด
กลุ่มเรามี ๔ คน ก็นั่งโต๊ะหนึ่งพอดี อาหารอร่อย ๆ มีดังนี้
จานแรกแปลกมาก พึ่งเคยชิมคือ "ปลากะพงแดงทอด ราดแกงเขียวหวาน" แทนที่จะเป็นปลาราดพริก
ราดแกงเขียวหวานที่แกงจนน้ำแกงข้น เอามาราดบนตัวปลาทอด ตักเนื้อปลาก็จะตักน้ำแกงมาด้วย
รสเข้ม ไม่ต้องขอน้ำปลาพริก กินกับข้าวสวยร้อน ๆ หากินที่ไหนไม่ได้ ไม่เคยเจอ
ผัดผักรวม มีคะน้า แครอท เห็นหูหนู ข้าวโพดอ่อน ใส่กุ้งตัวล็ก
ไก่ผัดมะม่วงหิมพานต์ ถามชื่ออาหารเขาบอกอย่างนี้ แต่หาเม็ดมะม่วงหิมพานต์ไม่เจอ
คงลืมใส่ มีแต่เนื้อไก่ขาวนุ่ม ผัดอร่อย ใส่หอมใหญ่ เห็ดหอม พริกทอด พริกยักษ์
รสเปรี้ยวอมหวาน
แกงจืดเต้าหู้ขาว เสริฟมาในหม้อไฟ ใส่เต้าหู้ขาว สาหร่าย ผักกาดขาว
ไก่ผัด ฯ และแกงจืดเติมไม่อั้น ผัดไก่ที่ลืมใส่มะม่วงหิมพานต์ อร่อยจนต้องขอเติมถึง
๓ ครั้ง
ปิดท้ายด้วยผลไม้รวม อิ่มแล้วกลับไปดู วี ดิ โอ ที่ให้ยืมได้คนละ ๒ เรื่อง
ก่อนเดินทางกลับ ยังมีอาหารเช้าอีก ๑ มื้อ ข้าวต้มหมู ไส้กรอก ไข่ดาว ออมเลต
ขนมปัง กาแฟ ผลไม้ เวลาเรือออกตามกำหนด ๐๙.๓๐ แต่มีฝนตกทำให้เวลาเรือ "ลมพระยา
" มาช้าไปเพราะมาจากสมุย พงัน มีเวลาว่างหาเศษขนมปังไปโยนให้ปลากิน ปลาว่ายรออยู่ข้าง
ๆ ระเบียงห้องอาหาร เสียนิดเดียว สุขาที่ห้องอาหารน้อยไป มีชาย ๒ หญิง ๒ คนเป็นร้อยและไม่เอื้อต่อ
ส.ว.ชาย ส่วนของหญิงเป็นสากลต้องเดินไต่เขาขึ้นไป และท้ายห้องอาหารมีห้องขายของที่ระลึก
ประมาณ ๑๐.๐๐ เรือจึงมา เป็นเรือของรีสอร์ท "ลมพระยา" รับผู้โดยสารแล้วไปเกาะเต่า
รับ - ส่ง ผู้โดยสารลงที่เกาะเต่า ออกจากเกาะเต่าเวลา ๑๐.๓๐ ถึงชุมพรเวลา
๑๒.๐๐ หากฝนไม่ตกน่าจะมาถึงเร็วกว่านี้ ขึ้นที่ท่าเรือของรีสอร์ทคือ ท่าอ่าวทุ่งมะขามน้อย
ซึ่งเป็นท่าขึ้นลงเรือของรีสอร์ท แต่วันไปจำเป็นต้องเปลี่ยนเรือ จึงไปลงที่บ้านปากน้ำ
พอขึ้นท่าจะเห็นรถทัวร์ของรีสอร์ท ที่รอรับคนโดยสารประเภทมาจากกรุงเทพ ฯ หรือจากหัวหิน
กลับไปหัวหินหรือไปกรุงเทพ ฯ (รถจอดแถว ๆ รามบุตรี ใกล้ถนนข้าวสาร) ส่วนผมมีรถทหารมารอรับ
หรือใครขับรถมาเองมีที่ให้จอดรถเอาไว้ เสียค่าจอดคันละ ๕๐ บาท ท่าอ่าวมะขามน้อยเลยหาดทรายรี
ห่างเมืองประมาณ ๓๕ กม.
ถึงชุมพร พอดีมือกลางวัน หิวข้าวแกง ไปร้านซื้อข้าวแกงปักษ์ใต้รสเด็ด ตรงข้ามร้านไอ๊หยาอาตือ
อยู่ถนนสายที่แยกจากถนนศาลาแดง เข้าไปยังโรงแรมจันทร์สม ร้านนี้กลางคืนขายข้าวต้ม
กลางวันขายข้าวแกงปักษ์ใต้ มัสมั่นไก่ ปลาผัดพริกขิง ปูม้าผัดหมูสับราดหน้า
คั่วกลิ้ง ฯ
................................................
|