วัดพระธาตุแม่เจดีย์
ผมเดินทางจากเชียงใหม่เพื่อจะไปยังอำเภอเวียงป่าเป้าปีละหลายครั้ง และได้ผ่านป้ายบอกทางเข้าวัดพระธาตุแม่เจดีย์ที่อยู่ทางซ้ายมือไม่ทราบว่ากี่ครั้ง
ไม่ได้นับเอาไว้ ไม่รู้เลยว่าพระธาตุแม่เจดีย์นั้น เป็นพระธาตุเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองมานานแล้วและในปัจจุบันยังมีศูนย์สาธิตพุทธศาสนากับป่าไม้ที่
๙ ตั้งอยู่ในพื้นที่ของวัดพระธาตุแม่เจดีย์อีกด้วย
การเดินทางไปยังวัดพระธาตุแม่เจดีย์ หากเดินทางมาจากกรุงเทพ ฯ ไปได้ ๒ เส้นทาง
เส้นทางแรก ไปผ่านจังหวัดลำปาง แจ้ห่ม วังเหนือ แล้วไปออกแม่ขจานย้อนกลับมาบ้านแม่เจดีย์
เส้นทางที่สอง คือไปเชียงใหม่ก่อน เมื่อถึงเชียงใหม่แล้วก็ไปทางอำเภอดอยสะเก็ด
ไปตามถนนสายดอยสะเก็ด - เชียงราย จะผ่านร้านขาหมูภูเก็ตที่อยู่บนเขาทางขวามือประมาณกิโลเมตร
๕๓ ต้องเลี้ยวขวาแล้วขึ้นเขาไปนิดหนึ่ง ผมเขียนชิมไว้นานหลายปีแล้ว จนเขาขยายร้านซึ่งเป็นเพิงออกไปเต็มยอดดอย
และจะมาถึงทางเข้าวัดพระธาตุแม่เจดีย์ ที่ประมาณกิโลเมตร ๗๔.๕ ซึ่งในเส้นทางนี้จะเข้าสู่
วัดพระธาตุแม่เจดีย์
ศูนย์สาธิตพุทธศาสนากับป่าไม้ที่ ๙
อ่างเก็บน้ำห้วยย่าคำมา ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่งดงาม ยิ่งในฤดูหนาวจะสวยนัก
ประวัติ ตำนานกล่าวว่า พระเจ้าอโนรธามังช่อ
กษัตริย์แห่งพุกาม ได้อัญเชิญพระไตรปิฎก พระบรมธาตุ
และพระแก้วมรกต
จากศรีลังกามายังพุกาม
ระหว่างการเดินทางกลับ เรือสำเภาเกิดพลัดหลงไปยังอ่าวของกรุงกัมพูชา พระเจ้ากรุงกัมพูชาจึงยึดเรือเอาไว้
พระเจ้าอโนรธามังช่อได้ส่งฑูตไปขอคืน คงได้คืนมาแต่พระบรมสารีริกธาตุและพระไตรปิฎก
ส่วนพระแก้วมรกตนั้นไม่ได้กลับคืนมา เมื่อเดินทางกลับมาจนถึงตำบลแม่เจดีย์
ในเขตเมืองเวียงป่าเป้า
เมื่อ พ.ศ.๑๕๘๓ จึงโปรดให้สร้างเจดีย์เพื่อบรรจุพระบรมธาตุ และพระไตรปิฎกไว้
ณ แห่งนี้ ตำนานเล่าไว้เพียงเท่านี้ แต่ภายในวัดพระธาตุแม่เจดีย์นั้นเมื่อขึ้นไปถึงแล้วจะเห็นมีอุโบสถหลังเล็ก
ๆ อยู่ทางซ้ายมือ ซึ่งอุโบสถแบบนี้ผมชอลให้มีเพราะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมอย่างแท้จริง
ไม่ฟุ่มเฟือย โอ่อ่าจนต้องรบกวนต่อฆราวาสให้ช่วยสร้าง ช่วยซ่อมกันเรื่อยไปเหมือนที่ปีนี้
๒๕๔๕ หลังทอดผ้าป่าเมื่อเดือนกันยายนผ่านไปแล้ว (ต้องขอบคุณท่านผู้อำนวยการศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยประชาสัมพันธ์ให้)
ก็จะเริ่มสร้างหลังคาหอสวดมนต์เอนกประสงค์คือ ใช้เป็นกุฏิของเจ้าอาวาสและพระสงฆ์
เป็นสถานที่อบรมธรรมะแก่นักเรียน เป็นหอสวดมนต์ เป็นหอฉัน เป็นสารพัดที่จะมีงานจะต้องใช้
ผมจึงเรียกว่าหอสวดมนต์เอนกประสงค์ และเริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๔ แต่ได้เงินจากการทอดผ้าป่าไม่มากพอที่จะให้แล้วเสร็จทั้งหลังได้
ปีนี้ผมจึงทอดผ้าป่าอีกครั้ง ได้เงินมากพอที่จะสร้างหลังคาหอสวดมนต์เอนกประสงค์ของวัดทองเลื่อน
ตำบลแสวงหา อำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง และจะรื้อหลังคาสังกะสีที่เป็นหลังคาโบสถ์ออก
เพื่อเปลี่ยนเป็นหลังคากระเบื้องและทาสีโบสถ์เสียใหม่ให้งดงาม น่าเลื่อมใสศรัทธาและสมกับมีพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์พระประธานในโบสถ์คือ
"หลวงพ่อแดง"
คุยกันเรื่องอุโบสถวัดพระธาตุแม่เจดีย์อยู่ดี ๆ เผลอหลุดไปจังหวัดอ่างทองขออภัย
เมื่อผ่านหน้าอุโบสถไปแล้ว ก็จะมองเห็นองค์พระบรมธาตุเจดีย์อยู่ตรงหน้า งดงาม
ลักษณะขององค์พระเจดีย์นั้นงดงาม แต่คงจะขาดการบูรณะใหญ่มานานแล้ว เป็นผลให้สีที่เป็นเสมือนความสะอาดนั้นลดน้อยลงไป
หากได้บูรณะใหญ่สักครั้งก็คงจะดี
ภายในวัดในเส้นทางที่จะเดินไปยังหลักอุโบสถได้นั้น มีศาลาประดิษฐานแม่นางพระธรณี
ซึ่งการบูชาแม่นางพระธรณีนั้น อาจจะยังไม่ทราบกัน ต้องบูชาด้วยคาถา ๔ คำ ด้วยการตั้งนโมสามจบเสียก่อน
แล้วบูชาด้วยคาถาว่า "เม กะ มุ อุ" กล่าวบูชา ๔ คาบ คาถานี้ผมได้มาจากพระอาจารย์องค์หนึ่ง
ว่าเมื่อจะบูชาแม่นางพระธรณี ณ ตำบลใด แห่งใดก็ตามให้กล่าวคำบูชาว่า เม กะ
มุ อุ ๔ ครั้ง แล้วจึงขอพรก็จะสมปรารถนา ผมก็เลยถือโอกาสเอามาบอกกล่าว ผู้ใดเกิดความศรัทธาในแม่นางพระธรณี
ก็นำคาถานี้ไปบูชาได้ และวัดที่มีแม่นางพระธรณีให้เช่าบูชา เพราะสร้างไว้เป็นประจำจนมีชื่อเสียง
ผมพบที่วัดเดียวคือ วัดพัฒนาธรรมาราม อยู่หน้าอำเภอ พัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี
ใกล้จะถึงเทศกาลทุ่งดอกทานตะวันของจังหวัดลพบุรี และสระบุรี แล้ว (ลพบุรีมีมากในอำเภอพัฒนานิคม
และอำเภอเมือง ฯ) ไปเที่ยวทุ่งทานตะวันลอง แวะเข้าไปที่ศาลาวัตถุมงคลของวัดพัฒนา
ฯ ก็ได้ ที่น่าเช่าบูชาคือ หลวงพ่อเพชร และแม่นางพระธรณี
และเมื่อเดินสูงขึ้นไปในทางเดินที่ร่มรื่นก็จะไปยังกุฏิเจ้าอาวาส แต่หากผ่านทางหลังโบสถ์
ซึ่งรถขึ้นไปได้ก็จะมีพระเจดีย์ที่ครูบาศรีวิชัยมาสร้างไว้ ระหว่าง พ.ศ.๒๔๖๗
- ๒๔๗๖ และคุ้มครูบาศรีวิชัยต้องเดินต่อไป
จบการนมัสการพระบรมธาตุแล้ว ก็กลับลงมาที่ศูนย์สาธิตพุทธศาสนากับป่าไม้ที่
๙ ผมอยากอธิบายสักเล็กน้อย ท่านที่ไม่ทราบจะได้ทราบเพราะใช้กันผิด ๆ เสมอ
คือ การใช้เรียกโบสถ์นั้นเป็นภาษาสามัญเรียกกันทั่วไป แต่เมื่อเราจะเรียกให้ไพเราะเป็นภาษาราชการต้องระวัง
ว่าพระอุโบสถนั้นต้องเป็นพระอารามหลวง เช่นวัดไชโยวรวิหาร อย่างนี้ โบสถ์คือพระอุโบสถ
แต่หากเป็นโบสถ์วัดทองเลื่อนที่ผมทอดผ้าป่าในปีนี้ ต้องเรียกว่า อุโบสถ ใช้กันผิด
ๆ นึกว่าเพื่อยกย่องโบสถ์หลังที่เรากำลังจะกล่าวถึงก็ไปใช้ว่า พระอุโบสถ ต้องใช้ให้ถูกต้องด้วย
พระอารามหลวงจึงจะเป็นพระอุโบสถ
อีกคำหนึ่งคือ พระธาตุ กับพระบรมสารีริกธาตุ ก็ใช้กันผิดเสมอ พระธาตุนั้นหมายถึง อัฐิ ของพระอรหันต์ที่แปรสภาพกลายเป็นพระธาตุแล้ว จะมีลักษณะเป็นเหมือนแก้วใส
หากใครอยากเห็นชัด ๆ เพราะวางไว้ให้ชมได้ คือ อัฐิธาตุของ หลวงปู่มั่น แห่งวัดป่าสุทธาวาส
ที่ อำเภอเมืองสกลนคร จะเห็นได้ชัดเจนว่า ที่กลายเป็นพระธาตุแล้ว ก็จะใสประดุจแก้วหรือเพชร
แต่ที่กำลังจะกลายจะเห็นว่าครึ่งหนึ่งอาจจะใสแล้ว อีกครึ่งหนึ่งยังไม่ใส อัฐิของพระองค์ใดที่แปรสภาพได้อย่างนี้เรียกว่า
พระธาตุ และพระธาตุหรือพระบรมสารีริกธาตุต้องเกิดเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งผมขอรับรอง
เพราะเมื่อ ๑๕ ปีที่แล้ว ผมกับนายวิวัฒน์ พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา
เพียง ๒ คน เป็นผู้เจรจากับโจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา ให้เขาออกมามอบตัว เพียง
๒ คน ฝ่ายเขามากัน ๑ คันรถ เคราะห์ดีไม่ถูกพวกเขาฆ่าตายแบบผู้ว่า ฯ เชียงราย
ผู้กำกับ ตำรวจและทหารใหญ่อีก ๒ คน ถูก ผกค.ลวงไปเจรจาแล้วฆ่าเสียเมื่อสัก
๓๐ ปีมาแล้ว ผมกับผู้ว่ายะลา และล่ามจากสันติบาลอีกคนหนึ่งที่เจรจาและประสบความสำเร็จในการนำโจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา
ออกจากป่าได้หมดตั้งแต่ ๒๘ เมษายน ๒๕๓๐ แต่น่าเสียดายที่ทางตำรวจยังขัดขวางการให้สัญชาติเขาอยู่ทั้ง
ๆ ที่ผ่านไปแล้ว ๑๕ ปี อย่างไปจุดไฟใต้เพิ่มขึ้นอีกกองหนึ่งเลย
ล่ามจากสันติบาลท่านนั้น เกิดชอบใจผมขึ้นมาก็ได้นำพระธาตุของพระอรหันต์
ไม่ทราบว่าขององค์ใดมามอบให้ในการพบกันในคราวต่อมา ให้ผมคนเดียวไม่ได้ให้ท่านผู้ว่า
ผมเก็บไว้อย่างดี ไว้บนหิ้งรพระ กราบไหว้บูชาเป็นประจำ และเปิดดูเสมอก็คงอยู่เท่าเดิมคือ
๒ องค์ แต่พอ ๔ ปีผ่านไป ไม่ได้เปิดดูนานแล้ว ไปเปิดดูปรากฏว่าองค์พระธาตุเพิ่มขึ้นคงจะเป็นร้อย
และในปีนั้นผมก็ได้รับพระราชทานยศพลเอก และผมได้แบ่งไปประดิษฐานไว้ที่พระธาตุม่วงคำ
ตำบลป่างิ้ว อำเภอเวียงป่าเป้า ที่ผมนำสร้างและบรรจุที่โมฬีของพระแก้วมรกต
จำลองแต่มีขนาดเท่าองค์จริงซึ่งเช่าบูชามา ไม่ช้าองค์พระธาตุในโมฬีที่เปิดปิดได้นั้นก็มีพระธาตุเต็มอีก
ต่อมาพระเถระชั้นผู้ใหญ่ได้บอกผมว่ามนุษย์ธรรมดาจะมีบุญไม่ถึง องค์พระแก้วมรกต
จำลองที่มีขนาดเท่าองค์จริง ให้นำมาให้นำไปถวายวัดที่เป็นพระอารามหลวงเสีย
ผมเทียวหาวัดที่จะถวายอยู่หลายวัดที่รู้จักชอบพอกับท่านเจ้าอาวาส แต่ปรากฏว่าหาไม่ได้เลย
จนอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาแนะว่าไปหาเจ้าคุณ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ที่อำเภอเมืองเชียงใหม่กันเถอะ
พอไปหาเล่าให้ท่านฟังเท่านั้น ท่านบอกว่ากำลังอยากได้พระพุทธรูปสักองค์ เพื่อประดิษฐานระหว่าง
พระประธานในพระอุโบสถกับโต๊ะหมู่บูชา มีคนถวายหลายคนแล้วไม่ชอบใจเลยยังไม่รับไว้
แต่พอฟังของผมท่านบอกนึกพอใจทันทีให้นำมาได้เลย ผมจึงนำบรรทุกรถยนต์ไปจากกรุงเทพ
ฯ จัดพิธีรับที่พระอุโบสถ ก่อนจะมาเข้าวัดก็แห่รอบเมืองเสียก่อน และประดิษฐานบนแท่นหินอ่อนที่ผมสร้างถวาย
ขอจารึกชื่อไว้ที่ฐานด้านหลังนิดเดียว คนมาภายหลังจะได้ทราบประวัติ และตั้งแต่ไปประดิษฐานที่พระอุโบสถวัดพระสิงห์
ฯ เสมือนท่านยิ้มได้ ผิดกับอยู่ในห้องพระที่บ้านของผม แต่ไปกราบเยี่ยมเวลานี้ผมไม่กล้าไปเปิดโมฬีดูว่าพระธาตุเพิ่มมากขึ้น
จนล้นแล้วหรือยัง หรือใครควักเอาไปหมดแล้ว ไปวัดพระสิงห์ ฯ นั้นต้องทราบเสียก่อนว่า
ที่เห็นข้างหน้าเมื่อเข้าประตูไปคือพระวิหาร ส่วนพระอุโบสถมีขนาดเล็ก ๆ อยู่ด้านหลัง
และปกติไม่เปิดให้ใครเข้าไป นอกจากจะมีกิจกรรมทางศาสนา เช่น วันพระ เป็นต้น
ไปกราบไหว้บูชาได้ครับ อย่าลืมว่าในอดีต เมื่อ ๔๐๐ กว่าปีมาแล้ว พระแก้วมรกตองค์นี้อยู่ที่วัดเจดีย์หลวง
จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนที่พระไชยเชษฐาธิราชกษัตริย์
๒ แผ่นดิน จะนำไปไว้ที่เวียงจันทน์ แต่บางตำนานบอกว่าผู้ที่นำไปคือ พระเจ้าโพธิสาร
พระราชบิดาของพระเจ้าไชยเชษฐา ฯ นำไปตอนยกทัพมาส่งพระโอรสขึ้นครองเชียงใหม่
เอาไปทั้งพระแก้วมรกต พระแซกคำ แต่พอมาถึง พ.ศ.๒๓๑๘ สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก
ได้รับพระบรมราชโองการจากพระเจ้าตากสินมหาราช ให้ยกทัพไปตีลาว เมื่อตีลาวได้แล้ว
(ได้ทั้งประเทศ) ก็ยกทัพกลับมาพร้อมกับ พระแก้วมรกต พระสิงห์ และพระบาง (พระบางคืนกลับไปในรัชสมัยรัชกาลที่
๒)
ดังนั้น เมื่อนำพระแก้วมรกตจำลองขนาดเท่าองค์จริงคือหน้าตัก ๑๙ นิ้ว ไปถวายไว้ที่พระอุโบสถ
วัดพระสิงห์ ฯ น่าจะเป็นการดลบันดาลให้ไปถวาย ณ ที่วัดนี้ อาจจะมีเทวดาที่รักษาองค์พระพุทธรูปดลบันดาลให้เป็นไปก็ได้
เพราะผมไม่รู้จักท่านเจ้าคุณวัดพระสิงห์มาก่อนเลย ที่รู้จักสนิทสนมคือท่านเจ้าคุณวัดเจดีย์หลวง
ซึ่งบัดนี้ท่านดำรงสมณศักดิ์เป็นชั้น รองสมเด็จ ฯ แล้ว
ส่วนอัฐิของพระพุทธเจ้า จึงเรียกว่าพระบรมสารีริกธาตุ
กลับมายังวัดพระธาตุบ้านเจดีย์ใหม่ เลาะ ๆ ออกนอกทางไปเสียยาว แต่ก็คงมีประโยชน์
เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๑ พระครูไพบูลพัฒนาภิรักษ์ ได้เข้ามาปฏิบัติธรรม พัฒนาพื้นที่
ปฏิสังขรณ์องค์พระธาตุแม่เจดีย์ และองค์พระธาตุของครุบาศรีวิชัย ให้มีสภาพคงเดิม
สร้างเสนาสนะต่าง ๆ เช่น วิหาร ศาลาเอนกประสงค์ กุฏิ ฯ เป็นต้น และที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ
การปลูกต้นไม้จนร่มเย็นไปทั่ว
เมื่อกลับลงมาจากวัด ประมาณ ๕๐๐ เมตร มีทางแยกซ้าย เส้นทางนี้จะไปยังอ่างเก็บน้ำห้วยย่าคำมา
เมื่อไปตามเส้นทางนี้ประมาณ ๒ กิโลเมตร ถนนลูกรังแต่รถวิ่งได้สบาย จะผ่านพื้นที่ของวัดที่เป็นภูเขาสูงชัน
สภาพเดิมคือป่าเสื่อมโทรม เนื่องจากถูกบุกรุกทำไร่เลื่อนลอย ต้นไม้ถูกตัดฟันไปทำประโยชน์ส่วนตัว
เช่น เผาถ่าน สร้างที่อยู่อาศัย แต่บัดนี้ทางป่าไม้ร่วมกับทางวัด ร่วมกับการปิโตรเลียมและประชาชน
ได้ทำนุบำรุงป่าให้เริ่มฟื้นสภาพ ดังนั้นเมื่อใกล้จะถึงอ่างเก็บน้ำจึงมีต้นไม้สวย
ๆ ดอกบานบุรีสีม่วงนั้นสวยนักเพราะดอกใหญ่ บานชูช่ออยู่ริมอ่างเก็บน้ำ มีศาลาฝึกอบรมพระสงฆ์
เยาวชนทั้งทางธรรมะและป่าไม้ มีเรือนไม้ มีสถานที่ปฏิบัติวิปัสสนาอยู่ริมอ่างเก็บน้ำ
และมีภาพตามธรรมชาติงาม ๆ ให้ถ่ายภาพกัน
กรมป่าไม้ได้อนุมัติให้วัดพระธาตุเจดีย์ช่วยงานของกรมป่าไม้ได้ตั้งแต่ ๙ กุมภาพันธ์
๒๕๔๔ ป่าไม้ต้องการที่จะขยายศูนย์สาธิตพุทธศาสนากับป่าไม้ให้มี ๒๑ ศูนย์ ๒๑
เขต เวลานี้พึ่งมีเพียง ๘ ศูนย์ และศูนย์ที่วัดบ้านเจดีย์นี้คือศูนย์ที่ ๙
โดยได้จัดตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๔๓ เป็นต้นมา ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ปูนน้อย ป่าแม่ปูนหลวง และป่าห้วยโป่งเหม็น สถานที่ตั้งคือบริเวณวัดพระธาตุแม่เจดีย์
ตำบลแม่เจดีย์ใหม่ อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย มีพื้นที่รับผิดชอบในจังหวัดเชียงราย
และจังหวัดพะเยา
ลักษณะของศูนย์นี้ เป็นการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่าง ป่าไม้ พระ และประชาชน
เพื่อป้องกันมิให้พระเข้าไปใช้พื้นที่ในป่าไม้โดยไม่ถูกต้อง การส่งเสริมให้พระช่วยงานด้านป่าไม้ร่วมกับศูนย์
ฯ
กิจกรรมของศูนย์ คือการเผยแพรความรู้ด้านป่าไม้ ควบคู่กับด้านศีลธรรม ฝึกอบรม
ร่วมมือกับพระส่งเสริมให้วัดหรือสำนักสงฆ์ดำเนินการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้
ปรับปรุงให้เป็นแหล่งสมุนไพรแหล่งท่องเที่ยว ประสานงานแก้ไขปัญหาที่พักสงฆ์ในพื้นที่ป่าไม้
และสำรวจข้อมูลด้านพระสงฆ์กับป่าไม้ เพราะหากพระบุกรุกป่าแล้ว จะแก้ไขยากมาก
เพราะประชาชนจะร่วมด้วย ยิ่งมีหลวงพ่อ หลวงปู่ ที่ชาวบ้านนับถือเป็นผู้นำด้วยละก็
ยากนักที่จะให้ท่านถอนไปง่าย ๆ ซึ่งในข้ออนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้นั้น ผมขอเลยโดดข้ามไปนึกถึงวันแสนตุ่ม
ที่จังหวัดตราด ที่อยู่ในพื้นที่ป่าไม้ต้นใหญ่ ๆ และยังมีแท่งศิลาโบราณอยู่อีก
ตอนที่ไปก็เห็นวัดรุกพื้นที่ป่าเข้ามาทุกทีแล้ว ยังห่วงว่าป่านนี้ไปโค่นต้นไม้ลงบ้างหรือเปล่า
เพราะอยู่ในป่าแต่ไม่ทำบรรยากาศของวัดให้เป็นวัดป่า ผมเองก็พึ่งมีความรู้เมื่อได้มาทราบว่า
ป่าไม้เขามีศูนย์สาธิตพุทธศาสนากับป่าไม้นี้แหละ
ทีนี้ไปกินข้าว ผมไปชิมมื้อกลางวัน ถ้ามาจากเชียงใหม่ก็จะผ่านวัดพระธาตุแม่เจดีย์ไปก่อน
ประมาณกิโลเมตร ๗๔.๕ ต่อไปก็จะผ่านชุมชนแม่ขจาน เลยไปนิดก็จะผ่านทางแยกขวาไปยังอำเภอวังเหนือ
(มีน้ำตกวังแก้ว) ไปยัง จังหวัดพะเยาได้ แต่หากไม่เลี้ยวขวา ตรงต่อไปประมาณกิโลเมตร
๙๔ ก็จะถึงอำเภอเวียงป่าเป้า ก่อนถึงตัวอำเภอประมาณ ๒ กิโลเมตรเศษ ๆ มองทางขวามือไว้ดี
ๆ ก่อนจะถึงที่ดินอำเภอเวียงป่าเป้า ก็จะเห็นร้านอาหารชื่อร้าน "เจือจันทร์"
ยกป้ายไทยรัฐ และเชลล์ชวนชิมไว้ป้ายโตทีเดียว ดูเหมือนจะเอาชื่อของผมไปตีตราประกันความอร่อยไว้ด้วย
ไม่ว่ากันเพราะชิมของเขาจริง หลายครั้งแล้วด้วยและอร่อยจริง
จากร้านที่เหมือนใต้ถุนบ้านบ้านใต้ถุน นานหลายปีมาแล้วผมเขียนไว้ในหนังสือต่วยตูนคงร่วมสิบปี
บัดนี้ร้านของเขากลายเป็นศาลาโถงกว้างขวาง สะอาดตา เย็นสบาย สุขาสะอาดสะอ้าน
จอดรถสะดวก เรียกว่ามองแล้วเข้าตากรรมการทีเดียว ร้านเจือจันทร์ กินอาหารร้านนี้หากได้ไวน์โด่ไม่รู้ล้ม
หรือไวน์กระชายดำของโรงงานเชียงรายไวน์เนอรี่ มาซดด้วยจะเข้ากันนัก
โรงงานเชียงรายไวน์เนอรี่นั้น ทางเข้าอยู่ก่อนถึง อำเภอแม่สรวย เลยเวียงป่าเป้าไปประมาณกิโลเมตร
๑๒๑.๕ หรือที่กรุงเทพ ฯ เขาก็มีขาย ต้องโทรถามดูที่ โทร ๐๑ ๙๑๔๙๑๖๓
กรุงเทพ ฯ มีขายที่จัสโก้ฟู๊ดแลนด์ ทราบแค่นั้น ที่เผลอเอาเรื่องไวน์มาพูดเพราะเป็นไวน์สมุนไพร
ให้ประโยชน์และผลิตโดยคนไทย ได้มาตรฐานทุกประการ โรงงานที่แม่สรวย ขอเข้าชมได้
๐๕๓ ๙๕๐๒๕๗
สั่งอาหารที่ร้านเจือจันทร์.-
ไข่เจียวหมูสับ ซึ่งเข้ากันดีนักกับการดื่มไวน์กระชายดำ หรือไวน์ขาวโด่ไม่รู้ล้ม
เขาจะทอดมาริมกรอบสีน่ากิน หอมฟุ้งมาแต่ไกลเลยทีเดียว
แกงป่าปลาดุก หรือแกงป่าไก่ใส่ผักมาสารพัดผัก ทำให้น้ำแกงมีรสหวานเพราะผัก
ใส่ผักลงไปแม้จะสุกแต่คงสีของผักไว้ ซดน้ำแกงป่าชื่นใจนัก จะราดข้าวแล้วตามด้วยไข่เจียว
หรือกินข้าวกับไข่เจียวแล้วซดแกงป่าร้อน ๆ ตามก็วิเศษเช่นกัน
ไส้หมูทอด ร้านนี้ทอดเก่งยังกับร้านอาหารจีน ไส้หมูทอดสุก กรอบนอกข้างในนุ่ม
ไม่เกรียม จิ้มซี่อิ้วหวาน ไปหลายคนให้สั่งมาสัก ๒ จาน จะได้ไม่แย่งกัน
ผมไปทีไรก็สั่งของเขาอยู่แค่นี้ อาหารอื่นเปิดเมนูสั่งเอา อร่อยแทบทุกอย่าง
----------------------------------
|