ท่องเที่ยว || เพิ่มข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว|| ดูดวงตำราไทย|| อ่านบทละคร|| เกมส์คลายเครียด|| วิทยุออนไลน์ || ดูทีวี|| ท็อปเชียงใหม่ || รถตู้เชียงใหม่
  dooasia : ดูเอเซีย   รวมเว็บ   บอร์ด     เรื่องน่ารู้ของสยาม   สิ่งน่าสนใจ  
 
สำหรับนักท่องเที่ยว
ตรวจสอบระยะทาง
แผนที่ 77 จังหวัด
คู่มือ 77 จังหวัด(PDF)
จองโรงแรม
ข้อมูลโรงแรม
เส้นทางท่องเที่ยว(PDF)
ข้อมูลวีซ่า
จองตั๋วเครื่องบิน
จองตั๋วรถทัวร์
ทัวร์ต่างประเทศ
รถเช่า
197 ประเทศทั่วโลก
แลกเปลี่ยนเงินสากล
ซื้อหนังสือท่องเทียว
dooasia.com แนะนำ
  เที่ยวหลากสไตล์
  มหัศจรรย์ไทยเแลนด์
  เส้นทางความสุข
  ขับรถเที่ยวตลอน
  เที่ยวทั่วไทย 77 จังหวัด
  อุทยานแห่งชาติในไทย
  วันหยุดวันสำคัญไทย-เทศ
  ศิลปะแม่ไม้มวยไทย
  ไก่ชนไทย
  พระเครื่องเมืองไทย
 
 
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศเกาหลี
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศลาว
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศกัมพูชา
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศเวียดนาม
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศพม่า
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศจีน
 
เที่ยวภาคเหนือ กำแพงเพชร : เชียงราย : เชียงใหม่ : ตาก : นครสวรรค์ : น่าน : พะเยา : พิจิตร : พิษณุโลก : เพชรบูรณ์ : แพร่ : แม่ฮ่องสอน : ลำปาง : ลำพูน : สุโขทัย : อุตรดิตถ์ : อุทัยธานี
  เที่ยวภาคอีสาน กาฬสินธุ์ : ขอนแก่น : ชัยภูมิ : นครพนม : นครราชสีมา(โคราช): บุรีรัมย์ : มหาสารคาม : มุกดาหาร : ยโสธร : ร้อยเอ็ด : เลย : ศรีสะเกษ : สกลนคร : สุรินทร์ : หนองคาย : หนองบัวลำภู : อำนาจเจริญ : อุดรธานี : อุบลราชธานี : บึงกาฬ(จังหวัดที่ 77)
  เที่ยวภาคกลาง กรุงเทพฯ : กาญจนบุรี : ฉะเชิงเทรา : ชัยนาท : นครนายก : นครปฐม : นนทบุรี : ปทุมธานี : ประจวบคีรีขันธ์ : ปราจีนบุรี : พระนครศรีอยุธยา : เพชรบุรี : ราชบุรี : ลพบุรี : สมุทรปราการ : สมุทรสาคร : สมุทรสงคราม : สระแก้ว : สระบุรี : สิงห์บุรี : สุพรรณบุรี : อ่างทอง
  เที่ยวภาคตะวันออก จันทบุรี : ชลบุรี : ตราด : ระยอง

  เที่ยวภาคใต้ กระบี่ : ชุมพร : ตรัง : นครศรีธรรมราช : นราธิวาส : ปัตตานี : พัทลุง : พังงา : ภูเก็ต : ยะลา : ระนอง : สงขลา : สตูล : สุราษฎร์ธานี

www.dooasia.com > ของดีเมืองไทย > ท่องเที่ยวไทย


วัดราชนัดดา

           วัดสำคัญที่สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์นั้น มีวัดเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งอยู่ฟากฝั่งธนบุรี ในเขตจังหวัดนนทบุรี  ส่วนอีก ๒ วัดคือ วัดเทพธิดาราม และวัดราชนัดดา  วัดเทพธิดารามกับวัดราชนัดดานั้นอยู่ติดกัน พอลงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เลี้ยวซ้ายก็จะถึงวัดราชนัดดา วัดราชนัดดานี้รัชกาลที่ ๓ สร้างพระราชทานเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าหลานเธอ "พระนางโสมนัสวัฒนาวดี" ตั้งแต่ครั้งยังทรงเป็นหม่อมเจ้า ด้วยมีพระเมตตาเพราะเห็นว่ากำพร้าบิดาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ พระนางโสมนัสวัฒนาวดีเป็นธิดาของพระองค์เจ้าลักขณานุคุณกับหม่อมงิ้ว พอประสูติได้ปีเดียว พระบิดาก็สิ้นพระชนม์ พอถึงคราวที่พระเจ้าหลานเธอจะเกศากันต์ (โกนจุก) จึงสร้างวัดนี้เป็นการเฉลิมพระเกียรติ พระนางโสมนัสวัฒนาวดี ทรงเป็นพระมเหสีในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ แต่มีอายุสั้นนักจึงสิ้นพระชนม์เมื่อมีอายุเพียง ๑๙ พรรษา เป็นความอาลัยรักแก่พระราชสวามี รัชกาลที่ ๔ จึงทรงสร้างวัดอุทิศพระราชกุศลขึ้นใหม่ คือสร้างวัด "โสมนัสวิหาร" และก่อนที่รัชกาลที่ ๓ จะสวรรคตนั้น ได้เคยมีพระราชแระแสกับเสนาบดีผู้ใหม่ไว้ว่า "ทุกวันนี้คิดสละห่อวงใหญ่ให้หมด อาลัยอยู่แต่วัดสร้างไว้ใหญ่ สร้างไว้โตหลายวัด ที่ยังค้างอยยู่ก็มี ถ้าชำรุดทรุดโทรมไป จะไม่มีผู้ช่วยบำรุง เงินในพระคลังที่เหลือ จับจ่ายใช้ราชการแผ่นดิน มีอยู่ ๔ หมื่นชั่ง ขอสักหมื่นเถิด ถ้าผู้ใดเป็นเจ้าแผ่นดินแล้วให้ช่วยบอกแก่เขา ขอเงินรายนี้ให้ช่วยทะนุบำรุงวัดที่ชำรุด และวัดที่ยังค้างอยู่นั้นเสียให้แล้วด้วย"
            ด้วยพระราชกระแสนี้ทำให้ รัชกาลที่ ๔ ไม่ทำนุบำรุงวัดราชนัดดา แต่กลับไปโปรดสร้างวัดโสมนัสวิหารแทน ซึ่งเป็นการสร้างเพื่อองค์เดียวกัน คือ พระเจ้เาหลานเธอของรัชกาลที่ ๓ และเป็นพระมเหสีของรัชกาลที่ ๔
            การสร้างวัดราชนัดดาราม นับว่าเป็นงานใหญ่ ได้โปรด ฯ ให้เจ้าพระยายมราช (บุญนาค) กำกับการสร้างโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ
            โปรด ฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์ กำกับการสร้างโลหะปราสาท
            โปรด ฯ ให้พระยามหาโยธา กำกับการสร้างเสนาสนะ กำแพง เขื่อน การตัดถนน
            จิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถแสดงพุทธประวัติตอนเสด็จจากวัดดาวดึงส์ พร้อมรูปดาวฤกษ์ ๒๔ กลุ่ม มีชื่อกลุ่มดาว กับชื่อดาวจารึกด้วย สถาปัตยกรรมสุดยอดของวัดนี้ ต่างกับที่อื่น ๆ ทั่วไทย หรือจะทั่วโลกด้วยซ้ำไปคือ การสร้างโลหะปราสาท
            การสร้างโลหะปราสาทนี้ สันนิษฐานว่า พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว คงจะตั้งพระทัยที่จะสร้างขึ้นแทนพระเจดีย์ ให้ดูแปลกแตกต่างออกไป จากพระเจดีย์ที่สร้างกันตามวัดต่าง ๆ อาจจะเหมือนกับที่โปรดให้สร้างเรือสำเภาที่วัดยานนาวา แล้วมีพระเจดีย์บนเรือสำเภาแทนเสากระโดงเรือก็เป็นได้ โลหะประาสาทสร้างขึ้นประมาณ พ.ศ.๒๓๘๙ ตอนปลายรัชกาลแล้ว การก่อสร้างยังไม่ทันแล้วเสร็จก็สิ้นรัชกาล คงสร้างได้เพียงขึ้นโครงเอาไว้ เครื่องบนก็ยังไม่ได้สร้าง มาสร้างกันต่อในรัชกาลที่ ๕ และ ๖ เสร็จสิ้นงดงามเช่นที่เห็นทุกวันนี้เป็นการเสร็จการสร้างอย่างสมบูรณ์ ก็มาสำเร็จในรัชกาลที่ ๙ นี่แหละ
            โลหะปราสาท เป็นโบราณสถานที่มีเพียง ๓ แห่ง ในโลกนี้เท่านั้น คือที่อินเดีย ๑ แห่ง และที่ลังกาอีก ๑ แห่ง แต่ที่อินเดียและลังกาพังหมดแล้ว ทรงโปรด ฯ ให้ช่างออกแบบ เมื่อ พ.ศ.๒๓๘๙ คือปีที่เริ่มการก่อสร้าง รายละเอียดมีในคำบรรยายในหนังสือมหาวงศ์ มีฐานกว้าง ๒๓ วา ตัวอาคารมี ๗ ชั้น ลดหลั้นกัน ชั้น ๗ ส่วนบนสุดเป็นยอดปราสาทจตุรมุข จำนวนยอดปราสาทโดยรวม ๓๗ ยอด สร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศิลาแลงที่นำมาสร้างโลหะปราสาท ที่นำมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๓ นั้นเป็นศิลาแลงที่นำมาจากนครสวรรค์ ยอดปราสาทรวม ๓๗ ยอดนี้ จำนวนนับมีความหมายตามธรรมะทั้ง ๗ หมวด โดยแต่ละหมวดจะจำแนกหัวข้อธรรมะรวมกันได้ ๓๗ ประกอบด้วยสติปัฐฐาน ๔ สัมมัปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ และมรรค ๘ (หายไป ๑ หมวด หาไม่พบ) หมายถึง โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ
            รูปแบบของโลหะปราสาทเป็นแบบที่งดงามตามแบบอย่างของศิลปะไทย แปลนปราสาทเป็นรูปสี่เหลี่ยม มียอดปราสาทเรียงรายกันขึ้นไป ๓ ชั้น โดยแบ่งเป็นช่อง ๆ แต่ละช่องหน้าต่างมียอดปราสาทครอบทับ ทำให้ปราสาทเล็ก ๆ เรียงรายลดย่อเป้นช่อชั้นขึ้นไปจนถึงชั้นยอดสูงสุด ในลักษณะย่อลดชั้นจากฐานขึ้นไปจนนถึงยอด มีบันไดขึ้นโลหะปราสาทตรงกลาง บันไดใช้เสาไม้แก่นขนาดใหญ่เป็นแกนแล้วทำบันไดวนเป็นก้นหอยเวียนรอบเสาโอบตัวขึ้นบันไดควบกับตัวเสา และผนังด้านข้างซึ่งเป็นรูปกลมเวียนขึ้นไปสู่ฐาน ประทักษิณชั้นแรกและชั้นบน ตรงกลางเป็นตัวมณฑป คติการสร้างบันไดเวียนเช่นนี้เป็นการสร้างศิลปกรรมยุโรป ไม่มีโอกาสเข้าไปชมภายในได้เลย ไม่ทราบว่าข้างในงดงามอย่างไร แต่ก็ยังดีเมื่อคราวฉลอง ๒๐๐ ปี กรุงรัตนโกสินทร์ ได้มีการรื้อศาลาเฉลิมไทย ที่บดบังโลหะปราสาทออกเสีย และปฏิสังขรณ์กันอย่างต่อเนื่อง จัดสร้างบุษบกและผอบสำหรับประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ทำงานร่วมกันหลายฝ่าย  กรมศิลปากรดำเนินการด้านศิลปกรรม ธนาคารไทยพาณิชย์กับอเมริกันเอ็กเพรส (ไทย) สนับสนุนการเงิน
            สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ฯ ประทานพระบรมสารีริกธาตุ ให้ทูลเกล้า ฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่ออัญเชิญขึ้นประดิษฐาน ณ โลหะปราสาท  ดังนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงเสด็จไปประกอบพระราชพิธีประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ณ โลหะปราสาท เป็นพระราชพิธีแรกที่ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล เนื่องในมหามงคลสมัยฉลองสิริราชสมบัติที่ครองแผ่นดินมา ๕๐ ปี เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๘
            ได้กล่าวมาแล้วว่าโลหะปราสาทนั้นได้มีการสร้างมาก่อนแล้ว ๒ ครั้งในโลก ก่อนที่จะมีการสร้างที่วัดราชนัดดาราม
            โลหะปราสาทหลังแรกสร้างโดยนางวิสาขา บุตรีธนัญชัยเศรษฐีแห่งเมืองสาวัตถี ประเทศอินเดีย โดยการประมูลราคาเครื่องประดับของตนที่ชื่อ "มหาลดาประสาธน์" ได้เงินมา ๙ โกฎิ ๑ แสน แล้วนำเงินมาสร้างที่อยู่ให้พระสงฆ์ มีลยักษณะเป็นปราสาท ๒ ชั้น มี ๑,๐๐๐ ห้อง ยอดปราสาททำด้วยโลหะมีชื่อว่า "มิคารมาตุปราสาท" หรือเรียกกันโดยทั่วไปว่า โลหะปราสาท ปราสาทหลังนี้ปรักหักพังจยไม่มีเหลือร่องรอยแล้ว
            โลหะปราสาทหลังที่ ๒ พระเจ้าทุฏฐคามณี กษัตริย์แห่งกรุงอนุราชปุระ ลังกา ทรงสร้างเมื่อประมาณ พ.ศ.๓๘๒ ตามคำทำนายในแผ่นดินสุพรรณบัฎ ของพระมหินทรเถระที่ทรงได้พบ โปรดให้สร้างตามแบบทิพยวิมานที่ได้ทอดพระเนตร มีด้านกว้างและด้านสูงแต่ละด้าน ๑๐๐ ศอก มี ๙ ชั้น ๑,๐๐๐ ห้อง หลังคามุงด้วยแผ่นทองแดง ผนังเป็นไม้ประดับด้วยหินมีค่าและงาช้าง พระภิกษุสงฆ์อาศัยอยู่แตละชั้นตามความรู้คือ ผู้มีสนณศักดิ์สูงอยู่ชั้นบน จากนั้นก็ลดลงมาตามลำดับ ต่อมาโลหะปราสาทหลังนี้ถูกเพลิงไหม้หมดทั้งหลัง พระเจ้าสัทธาติสสะ จึงโปรด ฯ ใให้สร้างใหม่ให้สูงเพียง ๗ ชั้น  ปราสาทหลังนี้ภายหลังถูกโจรทำลาย ปัจจุบันยังคงเหลือซากปราสาท ซึ่งประกอบด้วยเสาหิน ประมาณ ๑,๖๐๐ ต้น
            เมื่อเจ้าพระยายมราช (บุนนาค) เสนาบดีกรมพระนครบาล ที่ได้โปปรดเกล้า ฯ ให้เป็นผู้กำกับการสร้างโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ ได้ทำพื้นพระอุโบสถและก่อฐานชุกชีเรียบร้อยแล้ว รัชกาลที่ ๓ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ชักลากพระพุทธรูปจากพระบรมมหาราชวังไปประดิษฐานในพระอุโบสถ เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๓๘๙ พระพุทธรูปองค์นี้ปางมารวิชัย มีพระนามว่า "พระเสฏฐตตมุนี" หน้าตักกว้าง ๗ ศอก หล่อด้วยทองแดงที่ขุดมาได้จากตำบลจันทึก จังหวัดนครราชสีมา จึงมีน้ำหนักมาก ต้องอัญเชิญขึ้นบนตะเฆ่ (เครื่องลากเข็นของหนัก) ผูกเชือกสายชักเป็นสี่เส้น ป่าวร้องให้ราษฎรมาช่วยกันชักพระเป็นอันมาก เจ้าพระยายมราชเป็นผู้บัญชาการชักลากด้วยตนเองจึงขึ้นไปอยู่บนตะเฆ่ที่องค์พระกับนายตำรวจและทนายอีกสองคน ชักพระไปทางถนนเสาชิงช้า หรือถนนบำรุงเมือง พอจะเลี้ยวออกถนนใไญ่ไปวัดราชนัดดาต้องหยุดคัดตะเฆ๋เพื่อเลี้ยวออกให้พ้นคูน้ำ เจ้าพระยายมราชจึงลงจากตะเฆ่มาบัญชาการ พอพระออกมาถึงถนนใหญ่แล้ว แต่ตัวเจ้าพระยายมราชยังดูผูกเชือกอยู่ พวกราษฎรเห็นองค์พระออกตรงถนนและได้ยินเสียงม้าล่อตีกระหน่ำ ก็สำคัญว่าให้ลาก จึงลากขึ้นพร้อมกันตะเฆ่ก็เคลื่อนมาโดยเร็ว เจ้าพระยายมราชท่านอายุ ๗๐ เศษแล้ว ไม่ว่องไว จะกระโดดกลับขึ้นตะเฆ๋ก็ไม่ทัน เมื่อได้ยินเสียงโห่ก็จะหลบออกมาข้างถนน พอดีตะเฆ่มาถึงตัวก็สะดุดล้มลง ตะเฆ่ทับต้นขาขาดถึงตะโพกข้างหน้า สิ้นชีวิตในที่นั้น จึงได้เรียกกันต่อมาว่า "บุนนาคตะเฆ่ทับ" ชื่อนี้ติดอยู่ในพงศาวดารและไม่ใช้ทับแต่ท่านเจ้าพระยาเท่านั้น ยังทับทนายทั้งาสองคนด้วย คนหนึ่งตาย ณ ที่ถูกทับ พร้อมท่านเจ้าพระ อีกคนหามกลับบ้านตายในเวลาหนึ่งเดือนต่อมา
            สิ่งสำคัญภายในวัดราชนัดดารามวรวิหาร ซึ่งเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร มีดังนี้
            พระอุโบสถ  ตั้งอยู่กลางระหว่างพระวิหารและศาลาการเปรียญ คือด้านยาวขนานกับกำแพงแก้ว เป็นอาคารทรงโรง หลังคามุงกระเบื้อง มีช่อฟ้า ใบระกา หน้าบันลงรักปิดทอง ประดับด้วยกระจก ภายในประดิษฐานพระเสฏฐตตมมุนี ที่หล่อด้วยทองแดงจากตำบลจันทึก นครราชสีมา
            พระวิหาร  ตั้งสสกัดอยู่ทางด้านใต้ของพระอุโบสถ เป็นอาคารทรงโรง หลังคามุงกระเบื้อง มีช่อฟ้า ใบระกา หน้าบันลงรักปิดประดับกระจก เขียนลายฉลุปิดทองที่เพดาน ภายในพระวิหารทำเป็นห้องเวชยันตพิมานไว้กลาง สองข้างมีฉัตรเบ็ญจา ๕ ชั้น มีพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรเป็นประธาน พระพุทธรูปองค์นี้เดิมเมื่อสร้างไม่ได้ลงรักปิดทอง ต่อเมื่อได้ลงรักปิดทองแล้วจึงถวายพระนามว่า "พระพุทธชุติธรรมนราสพ"
            ศาลาการเปรียญ  ตั้งสกัดอยู่ทางทิศเหนือของพระอุโบสถ ประดิษฐานพระพุทธรูปปางรำพึง ซึ่งได้หล่อขึ้นเท่าองค์พระประจำชันษา

            เมื่อได้เล่าวัดราชนัดดาไปแล้วก็เลยเล่าต่ออีกวัดหนึ่งซึ่งอยู่ติดกันคือ วัดเทพธิดาราม เป็นวัดสร้างให้ลูกสาว วัดราชนัดดานั้นสร้างให้หลายสาว วัดเทพธิดารามสร้างก่อนวัดราชนัดดา คือ สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๓๗๙ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระราชทานแก่ พระองค์เจ้าหญิงวิลาศ ซึ่งต่อมาคือ กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ นามของวัดก็อาศัยความหมายเดิมของพระนาม "อัปสรสุดาเทพ" นั่นเอง สร้างวัดแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ.๒๓๘๒ การสร้างโปรด ฯ ให้กรมหมื่นภูมินทร์ภักดี อำนวยการสร้างพระประธานในพระอุโบสถ สร้างด้วยศิลาขาวบริสุทธิ์จึงเรียกว่า "หลวงพ่อขาว" อัญเชิญมาจากพระบรมมหาราชวัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน เฉลิมพระนามว่า "พระพุทธเทวาวิลาศ" น่าสังเกตว่าพระประธานในพระวิหารนั้น ด้านหน้ารอบพระประธาน มีรูปพระภิกษุณี (อริยสาวิกา) เป็นจำนวนมาก กุฎิพระในเขตสังฆาวาส มี ๒ ลักษณะ สำหรับพระเล่าเรียนฝ่ายคันถธุระ กับกุฎิพระในฝ่ายวิปัสสนาธุระ และที่วสัดเทพธิดานี้มีกุฎิพระสุนทรภู่อยู่ด้วย
            และในย่านนี้ยังมีวัดสำคัญ ๆ ติดต่อกันอีกหลายวัด "รวมทั้งแระตูผี" ซึ่งอยู่ตรงปากซอยสำราญราษฎร์ ซึ่งเหลือแต่ชื่อ เป็นประตูสำหรับขนศพที่เป็นอหิวาตกโรคตายจากในกรุงออกไปเผายังวัดสระเกศ และมาทางเสาชิงช้า มาทางถนนอัษฎางค์และถนนตะนาวยังมีวัดที่สร้างรุ่นรัชกาลที่ ๓ อีก ๒ วัด คือ .-
            วัดบูรณะศิริมาตยาราม  เจ้าพระยาสุธรรม ต้นตระกูลบูรณศิริ เป็นผู้สร้างวัด
            ถนนตะนาว  มีวัดมหรรณพาราม กรมหมื่นอุดมรัตนราษี พระนามเดิมพระองค์เจ้าอรรนพ พระราชโอรสในรัชกาลที่ ๓ ทรงสร้าง มีพระประธานในพระอุโบสถเป็นพระพุทธรูปสมัยอยุธยา ส่วนพระประธานในพระวิหาร ที่เรียกว่าหลวงพ่อร่วง เป็นพระพุทธรูปสุโขทัย
            หากมาตามถนนราชดำเนินกลาง ผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมาแล้วก็จะมาถึงเชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ซึ่งเชิงสะพานทางขวามือคือลานพระบรมรูป รัชกาลที่ ๓ และด้านหลังคือวัดราชนัดดาและโลหะปราสาท ที่สูงเด่นงดงามไม่มีอาคารมาบดบังเหมือนเมื่อก่อนแล้ว สะพานผ่านฟ้าลีลาศนี้มีประวัติที่น่าสนใจ เดิมเป็นสะพานไม้เพื่อข้ามคลอง "รอบกรุง" ตามาญโญ (    ) นายช่างสถาปนิก ชาวอิตาเลี่ยน ได้บันทึกไว้ว่า "สะพานเก่าพังหมดแล้ว ต้องเร่งซ่อมให้ทันรับเสด็จกลับจากยุโรป" (มีในหนังสือชาวอิตาเลี่ยนในราชสำนักไทย มีภาพสะพานกำลังตกแต่ง)
            พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จกลับจากทวีปยุโรปถึงท่าราชวรดิษ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๕๐ เวลาประมาณ ๑๐.๐๐ เศษ มีรายละเอียดในหนังสือจดหมายเหตุประกอบเรื่องไกลบ้าน ได้กล่าวถึงเมื่อรถพระที่นั่ง "ถึงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ หยุดประทับรถพระที่นั่งบนสะพาน มีพระบรมราชโองการดำรัสเหนือเกล้า ฯ สั่งให้เจ้าพนักงานกระทรวงโยธาธิการเปิดสะพานนั้น"
            ถนนราชดำเนินนอก เริ่มจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศไปสสู่สะพานมัฆวานรังสรรค์และพระราชวังดุสิต ความยาวของถนนจากสะพานยผ่านฟ้าถึงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ยาว ๙๒๕ เมตร จาะฃกสะพานมัฆวาน ฯ ถึงถนนศรีอยุธยา ยาว ๕๕๐ เมตร
            ร้านอาหารที่ผมจะพาไปชิมในวันนี้อยู่ตรงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จึงขอเล่าประวัติของอนุสาววรีย์แห่งนี้ไว้สักเล็กน้อย ไม่งั้นกินไปมองไป ไม่รู้ว่าเป็นมาอย่างไร
            อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สร้างขึ้นในสมัยที่ จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี แบบของอนุสาวรีย์พยายามออกแบบให้มีความหมายกับประชาธิปไตย เช่น ฝังปืนใหญ่ไว้รอบอนุสาวรีย์ ๗๕ กระบอก หมายถึงเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๕ ปีกของอนุสาวรีย์ที่พุ่งขึ้นไป สูง ๒๔ เมตร คือวันที่เปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ พระขรรค์ประดับบนตัวป้อม ๖ เล่ม คือหลัก ๖ ประการ ของคณะราษฎร์
            ร้านอาหารเก่าแก่ของถนนราชดำเนิน น่าจะเก่าแก่ที่สุดและยืนยงมานาน หากมาจากสะพานผ่านพิภพลีลาหรือจากสนามหลวงมุ่งหน้ามาทางอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พอถึงอนุสาวรีย์ผ่านโรงเรียนสตรีวิทยา ผ่านถนนประชาธิปไตย ตรงหัวมุมถนน ร้านนี้อยู่กลางเมือง เมื่อเข้ามาในร้านแล้วจะมองเห็นอนุสาววรีย์อยูาตรงหน้า
            กระทงทอง  เอามากินเล่นเสียก่อน  ร้านนี้ผัดไส้เก่งนัก ไส้เป็นไก่สับ ผัดมากับมันฝรั่ง
            กุ้งชุปแป้งทอด สั่งมาเอาใจรุ่นเด็ก จิ้มน้ำบ๊วยเจี่ย มีมะเขือเทศ แตกงกวา ผักสลัดวางเคียง
            เป็ดอบทรงเครื่อง  เป็ดสับมาเป็นชิ้นโต ๆ อบ มีน้ำซ๊อส หน้าแฮม ข้าวโพดอ่อน ไข่นกกระทา เนื้อปู เห็ดหอม ถั่วลิสง มีน้ำจิ้ม จิ๊กโฉ่
            กุ้งนางสามรส  กุ้งนางทอด สีแดงสดสวย น่ากิน ราดด้วยน้ำซ๊อส ๓ รส สีแดง มีฝักทองสลักเป็นดอกไม้วางประดับ เนื้อกุ้งแน่นเหนียว อร่อยไม่ต้องบรรยาย
            ปลาช่อนยำตะไคร้ ใช้ปลาช่อนตัวโต ราดด้วยน้ำยำตะไคร้ หอมแดง ผักชี ต้นหอม จานนี้เปรี้ยวนำ สาว ๆ ชอบ
            ปลากะพงนึ่งซีอิ้ว  ใช้ปลาตัวโตใส่มาในกะทะร้อน น้ำเดือด ควันโขมง กลิ่นหอมฉุย ขนาดโต๊ะ ที่อยู่ข้างหลังต้องบอกบริกรว่าขอสั่งอย่างโต๊ะข้างหน้าจานหนึ่ง ซดน้ำ ชื่นใจเนื้อปลาขาวนุ่ม
            ห่อหทกเนื้อปู  ใส่เนื้อปูมาก จานนี้อร่อยเกินบรรยาย
            กินปูยังไม่จุใจ สั่งข้าวผัดปูมาอีกจาน ต้นหอมสด เขียวชอุ่มเข้ากันดีนักแล
            ของหวาน โอนี แป๊ะก๊วย ข้าวเหนียวนึ่งกับเผือก หวานหอม ใส่แป๊ะก๊วย

..............................................................

| บน |

ภาคกลาง
นครปฐม
ลพบุรี
ละโว้
สมุทรสงคราม
สุพรรณบุรี
อุทัยธานี
เมืองเก่ากาญจนบุรี
เมืองโบราณ
เมืองอู่ทอง
พระประแดง
ดอนเจดีย์
สาครบุรี
สามชุก
ตำบลปิล๊อค
บ้านกรูด
บ้านสาขลา
พระบรมมหาราชวัง
พระนารายณ์ราชนิเวศน์
วังบางขุนพรหม
วังพญาไท
วังวรดิศ
วังสนามจันทร์
วังสวนกุหลาบ
โลหะปราสาท
ปราสาทเมืองสิงห์
ปราสาทสัจธรรม
ป้อมพระจุลฯ
พระนเรศวรมหาราช
แม่ทัพคู่บัลลังก์
พิพิธภัณฑ์จันเสน
วัดกู้
วัดเขาวงพระจันทร์
วัดในเกาะเกร็ด
วัดเขานางบวช
วัดเฉลิมพระเกียรติฯ
วัดท่าสุทธาวาส
วัดพระศรีมหาธาตุ
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
วัดมหรรณพาราม
วัดหนองนกไข่
วัดบางพลีใหญ่
วัดบางนมโค
วัดบุปผาราม
วัดโบสถ์
วัดยานนาวา
วัดระฆังโฆษิตารามฯ
วัดราชนัดดา
วัดไร่ขิง
วัดลำพญา
วัดเวฬุวัน
วัดศาลเจ้า
หลวงพ่อบ้านแหลม
พระพุทธไสยาสน์
พุทธมณฑล
พระบาทเขาวงพระจันทร์
ด่านเจดีย์สามองค์
พระเจดีย์กลางน้ำ
พระเจดีย์เกษแก้ว
พุทธสถานจีเต็กลิ้ม
สวนพฤกษศาสตร์
สวนสมเด็จฯ(๒)
แก่งกระจาน
น้ำตกนางครวญ
แม่น้ำเพชร
คลองบางกอกน้อย
บึงฉวาก
ทะเลกรุงเทพฯ
ถ้ำเขาหลวง
อุทยานเก้าทัพ
อุทยานทองผาภูมิ
ทุ่งทานตะวัน
ละลุ
หว้ากอ
เหมืองปิล๊อก
ศูนย์ศิลปาชีพ
ถนนบางขุนเทียน
สะพานสุขตา
สยามนิรมิต
ตลาดคลองสวน
ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
ตลาดน้ำวัดแสงศิริธรรม
ตลาดบางพลีใหญ่
ตลาดบองมาร์เช่
ตลาดศรีประจันต์
ก๋วยเตี๋ยวเรือนไม้
อร่อยถนนแปลงนาม
อร่อยย่านวิเศษชัยชาญ
 
ภาคตะวันออก
เที่ยวเมืองจันท์
ฉะเชิงเทรา
ปราจีนบุรี
นครนายก
สระแก้ว
อ่างศิลา
บ้านดงละคร
วัดบางกระเบา
วัดคลองขุด
วัดแสนตุ่ม
เจ้าพ่อซำปอกง
ศาลพระปิ่นเกล้า ฯ
ปางสีดา
แก่งหินเพิง
เขื่อนคลองท่าด่าน
เกาะสีชัง
แหลมเสด็จ
อุทยานทับลาน
ค่ายเนินวง
คุกขี้ไก่
ร.ร.นายร้อย จปร.
ปราสาทสด๊กก็อกธม
ปราสาทสต๊อกก็อกธม
อู่ต่อเรือพระเจ้าตาก
แรลลี่ที่ระยอง

ภาคใต้
ล่องใต้
ภูเก็ต
ไปชุมพร
ระนอง
เบตง
ยะรัง
ลังกาสุกะ
หาดใหญ่
วัดเขาขุนพนม
วัดในภูเก็ต
วัดพระมหาธาตุ
วัดพระนางสร้าง
หลวงพ่อขวาง
พระมหาธาตุเจดีย์
พระมหาธาตุภักดีประกาศ
พระตำหนักเมืองนคร
อุทยานเขาสก
อุทยานสิรินาถ
น้ำตกขาอ่อน
เที่ยวเกาะ
เกาะนางยวน
เกาะยอ
เกาะลันตา
ทะเลหลังสวน
หาดทรายรี
หาดทอง
ท่าตะเภา
โครงการส่วนพระองค์
บ้านขนมจีน

อื่นๆ

เจ้าตากเดินทัพ
ตำนานปืนใหญ่
ปันจักสิลัต
สมุนไพรฮว่านง็อก

ภาคเหนือตอนบน
แม่ฮ่องสอน
เมืองสามหมอก
เชียงใหม่
เชียงของ
ลำพูน
เมืองเชียงแสน
ปาย
เวียงท่ากาน
ไหว้พระเก้าวัด
วัดเกตการาม
วัดเชียงใหม่
วัดเจดีย์ซาว
วัดดอนแก้ว
วัดพม่า
วัดพระแก้ว
วัดพระพุทธบาทสี่รอย
วัดพระสิงห์
วัดในแม่ฮ่องสอน
วัดร่องขุ่น
พระแท่นศิลาอาสน์
พระธาตุจอมแจ้ง
พระธาตุช่อแฮ
พระธาตุแช่แห้ง
พระธาตุดอยเวา
พระธาตุม่อนจอมผ่อ
พระธาตุแม่เจดีย์
ผาตั้ง
ภูชี้ฟ้า
ถ้ำปลา-ถ้ำลอด
แม่ฝาง
เกษตรอ่างขาง
ทุ่งบัวตอง
กองแลน-โป่งเดือด
ปางตอง-ปางอุ๋ง
โครงการหมอกจ๋าม
สวนแม่ฟ้าหลวง
อุทยานแจ้ซ้อน
บ่อเหล็กน้ำพี้
กว๊านพะเยา
ท่ากว๊าน
กองพล ๙๓
คุ้มนายพล
อนุสรณ์สถาน
หอฝิ่น
พระเจ้าทองทิพย์
งานชาที่ดอยแม่สลอง
 

ภาคเหนือตอนล่าง
กำแพงเพชร
แม่สอด
เมืองสองแคว
ศรีสัชชนาลัย
ด่านแม่ละเมา
วัดไทยวัฒนาราม
วัดป่าภูหินร่องกล้า
วัดพระเจ้าเม็งราย
อุทยานสุโขทัย
สวนหลวงร.๙
ศาลสองมหาราช
เขาค้อ
เขาค้อถึงเพชรบูรณ์
บึงสีไฟ
ขนมจีนบ้านคุณตา
บะหมี่ชากังราว

 

ภาคอีสาน
สู่อีสาน
กาฬสินธุ์
หนองคาย
มหาสารคาม
มกุฎคีรีวัน
วัดจันทาราม
ตระเวนไหว้พระธาตุ
พระธาตุนคร
พระธาตุประสิทธิ์
พระธาตุพนม
พระธาตุมหาชัย
พระธาตุเรณู
พระธาตุศรีคูณ
พระธาตุศรีสองรัก
ภูพระบาท
ปราสาทเมืองต่ำ
ปราสาทหินพิมาย
ปราสาทเปือยน้อย
พระดีอีสาน
 

 


 
 
dooasia.com
สงวนลิขสิทธิ์ © 2550 ดูเอเซีย    www.dooasia.com

เว็บท่องเที่ยว จองที่พัก จองตั๋วเครื่องบินออนไลน์ ข้อมูลท่องเที่ยว ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม แผนที่ การเดินทาง ที่พัก ร้านอาหาร จองที่พักและโรงแรมออนไลน์ผ่านอินเตอร์เน็ตทั่วโลก คลิปวีดีโอ ไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย ลาว เวียดนาม ขอขอบคุณข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การท่องเที่ยวลาว การท่องเที่ยวกัมพูชา การท่องเที่ยวเวียดนาม มรดกไทย กรมป่าไม้
dooasia(at)gmail.com ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย. สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์