เกาะสีชัง
จะพาไปเที่ยวเกาะสีชัง
อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ขอขึ้นต้นด้วยยคำขวัญของอำเภอเกาะสีชัง
จุฑาธุชราชฐาน
ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ วัดไหนเกาะขาม ลือนามพระพุทธบาท
หาดทรายงามล้ำค่า
เมืองท่าพาณิชย์
ผมได้เล่าไว้ในตอนที่แล้วว่าผมไปศรีราชา ด้วยความตั้งใจที่จะไปยังเกาะสีชัง
และต้องรีบไป สำหรับวัยอย่างผม ก่อนที่จะหมดแรงขึ้นบันไดกว่า ๑๕๐ ขั้น ไปนมัสการเจ้าพ่อเขาใหญ่ที่อยู่บนยอดเขาคยาศิระ
เป็นการไปไม่ทราบว่าครั้งที่เท่าใด และคงจะไปอีกแต่คงไม่ได้ขึ้นเขาไปไหว้เจ้าพ่อ
อาจจะขอไหว้อยู่เชิงเขา หรือไม่นั้นก็ขอพลังพิเศษจากเจ้าพ่อให้มีแรงฮึดขึ้นเขาได้
อยากไปอีกเพื่อไปดูความเปลี่ยนแปลงในการบูรณะ พัฒนาพระราชฐาน "พระจุฑาธุชราชฐาน"
อยากเห็นพระราชฐานเก่าแก่แห่งนี้ แม้จะไม่นานมากนัก แต่ก็นานกว่าร้อยปีมาแล้ว
อยากเห็นให้มีความงดงามเช่นเดียวกับพระราชวังบางปะอินที่องค์ผู้สร้างความเจริญ
ความงดงามแก่พระราชวังบางปะอิน มากยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์พระองค์ใดคือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ซึ่งก็ทรงพระราชทานความเจริญ ความงดงามให้แก่เกาะสีชัง ตลอดจนประทานความผาสุขให้แก่ชาวเกาะสีชัง
จึงได้แต่ภาวนาขอให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องดูแลอยู่ ช่วยพัฒนาให้งามเหมือนพระราชวังบางปะอิน
โดยเร็วจะนำรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างมหาศาลมาสู่ พัฒนาทั้งความสะดวก ความรวดเร็วในการเดินทาง
แหล่งน้ำ แต่อย่าไปพัฒนาถนนให้ดีและมีมากกว่านี้ อย่าให้รถวิ่งกันเต็มท้องถนน
บีบแต่กันเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ขออย่าให้เป็นเช่นนั้น ให้งามสงบ ใกล้เคียงกับเกาะเกร็ดของนนทบุรีที่เงียบสงบ
ไม่มีแม้แต่รถมอเตอร์ไซด์วิ่ง หรือแม้แต่รถจักรยานจะถีบไปไหน หากพบเห็นคนเดินในถนนแคบ
ๆ ของเขา เขาก็จะไม่ดีดกระดิ่งกัน จะจอดรอให้คนเดินหรือจำเป็นเขาใช้ปากร้อง
"กริ๊ง กริ๊ง" ฟังแล้วน่ารัก
ผมได้เล่าแล้วว่าผมไปศรีราชาคราวนี้ผมไปนอนพักที่โรงแรมที่ผมชอบพักเสมอ เพราะเงียบสงบ
ไม่มีเสียงตึง ๆ ในเวลากลางคืน ติดทะเล อาหารอร่อยมาก ราคาไม่แพง ทั้งที่พักและอาหาร
เพราะหากพักที่นี่แล้ว พอรุ่งขึ้นเราขอจอดรถเอาไว้ที่โรงแรม จะข้ามไปพักที่เกาะสีชังสักคืนก็ได้
เพราะมีโรงแรมที่พักที่สะดวกพอสมควร แต่หากเป็นประเภทรีสอร์ท และบังกาโลมีแยะ
สะดวกสะบายดี และอยู่ริมทะเลใกล้ท่าเรือ ได้ไปครั้งหลัง ๆ จอดรถทิ้งไว้ที่โรงแรมศรีราชาลอดจ์
แล้วไปเที่ยว แค่ไปเช้าเย็นกลับ ได้กินอาหารกลางวันที่เกาะสีชัง ๑ มื้อ ราคาถูกและอร่อย
เมื่อจอดรถเอาไว้ที่โรงแรมแล้ว ออกมาที่หน้าโรงแรมบอกยามหน้าประตูว่าให้เรียกรถเครื่องให้ที
เขาก็จะออกไปยืนส่งสัญญาณที่หน้าประตู ไปยังรถสามล้อเครื่องที่จอดกันอยู่แถว
ๆ หน้าโรงพยาบาลที่ไม่ไกลกันนักไม่ถึง ๒ นาที รถเครื่องก็จะมารับเรา พาไปยังท่าเรือชื่อท่าจรินทร์
อยู่ถนนเจิมเจิดพล ซอย ๑๔ คือถนนที่ผ่านหน้าปากซอยของโรงแรมนั่นเอง
รถเข้าไปส่งได้จนถึงเรือลำที่จะออกเดินทาง ซึ่งเรือจะอออกจากท่าจรินทร์นี้ทุกชั่วโมงและตรงเวลา
พร้อมกันนั้นเรืออีกลำของอีกบริษัทหนึ่งก็จะออกจากท่าเกาะสีชัง เรือจะใช้เวลาวิ่งข้ามทะเลระยะทางประมาณ
๑๒ กม. ใช้เวลาประมาณ ๔๐ นาที เรือไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลม แต่ไม่ร้อน ค่าโดยสารประมาณ
๒๐ บาท นั่งชมทะเลไปเดี๋ยวเดียวก็ถึงแล้ว พอเรือวิ่งออกจากท่าหากมองไปทางซ้ายจะเห็นสะพานท่าเรือ
๒ แห่งที่ทอดยาวมาในทะเลคือ สะพานไปยังท่าเรือน้ำลึก
จะมองเห็นเรือเดินสมุทรลำโต ๆ ที่เข้ามายังท่าเรือกรุงเทพ ฯ ไม่ได้จอดถ่ายสินค้าอยู่
และพอยิ่งใกล้จะถึงเกาะสีชัง จะยิ่งเห็นเรือเล็กที่นำสินค้ามาจากท่าเรือกรุงเทพ
ฯ หรือกำลังถ่ายสินค้าจากเรือเดินสมุทรเพื่อเข้ามาส่งท่าเรือกรุงเทพ ฯ มีจำนวนมากมายหลายสิบลำเลยทีเดียว
ส่วนเรือประมงนั้นจะมองเห็นจอดกันแน่นชัดตรงท่าเรือจรินทร์
เมื่อเรือไปถึงเกาะสีชังจะแวะที่ท่าล่างหรือท่าเทววงศ์
นักตกปลามักจะถือเบ็ดลงมาที่ท่านี้ ส่วนเรามาเที่ยวอย่างเดียว
ก็ไปลงที่ท่าบนคือท่าภานุรังษี
เรือจะมีเดินตั้งแต่ ๐๖.๐๐ - ๑๘.๐๐ ทุกชั่วโมง
พอขึ้นจากเรือจะมีสามล้อเครื่องมาถามความต้องการว่าจะไปกับเขาไหม มีราคารอบในของเกาะราคา
๑๕๐ บาท ราคาเหมารอบเกาะรอบใหญ่ ๒๕๐ บาท คนขับสามล้อเป็นไกด์ให้เราเสร็จ สามล้อเครื่องของเกาะสีชังจะไม่เหมือนของใคร
เรียกว่ารถสกายแล๊บ เพราะเขาใช้เครื่องยนต์ของรถเก๋ง ใส่เข้าไปในรถที่มีรูปร่างเหมือนรถสามล้อเครื่องทั่วไป
แต่กว้างและยาวกว่า นั่ง ๔ - ๖ คน ได้อย่างสบาย ๆ เหตุผลที่รถกว้างและยาวกว่ารถตุ๊กตุ๊ก
เพราะถนนแคบ ประมาณเมตรเศษ ๆ และทางลาดชัน ขึ้นลงเขาตลอดเวลา
ประวัติของเกาะสีชัง ได้ชื่อว่าเป็นเกาะที่มีอากาศดี ชาวเกาะจะมีอายุยืนยาว
ในจดหมายเหตุตามเสด็จประพาสจันทบุรีของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เมื่อทรงพระเยาว์ได้ตามเสด็จรัชกาลที่ ๔ ประพาสเกาะสีชัง และได้ทรงแจกทานแก่คนชราที่มีอายุเกินร้อยปีถึง
๓ คน สีชังจึงเป็นสถานที่พัก เป็นสถานที่พักฟื้นเป็นที่นิยมของชาวไทยและชาวต่างประเทศ
ในสมัยรัชกาลที่ ๕ แพทย์หลวงถวายคำแนะนำให้พระบรมวงศ์เสด็จไปพักรักษาพระองค์
ณ เกาะสีชัง โดยเฉพาะพระเจ้าลูกยาเธอ "เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ"
ในปี พ.ศ.๒๔๓๔ ทรงพระเยาว์มีพระอาการมาก ต้องไปพักรักษาพระองค์อยู่ที่เกาะสีชังเป็นเวลานาน
รัชกาลที่ ๕ ทรงมีความห่วงใยก็เสด็จไปทรงอภิบาลพระราชโอรสเป็นการประจำเช่นกัน
จึงเป็น โอกาสที่พระราชทานความเจริญให้แก่เกาะสีชัง ด้วยการก่อสร้างต่าง ๆ
(ให้สังเกตว่าจะมีชื่อว่า อัษฎางค์ หลายแห่ง)
ในการมาประทับครั้งแรกนั้น ยังมิได้สร้างพระตำหนักที่ประทับ จนกระทั่งปี พ.ศ.๒๔๓๑
จึงทรงบริจาคพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างตึกขึ้นสามหลัง สำหรับเป็นที่พักฟื้นผู้ป่วย
ได้แก่ ตึกวัฒนา ตึกผ่องศรี และตึกอภิรมย์ ในปี
พ.ศ.๒๔๓๕ ได้โปรดเกล้าให้สร้างพระราชฐานขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับเพื่อแปรพระราชฐานในฤดูร้อน
พระราชทานนามว่า "จุฑาธุชราชฐาน"
ตามพระนามของพระเจ้าลูกยาเธอที่ประสูตที่เกาะสีชัง เมื่อ ๕ กรกฎาคม ๒๔๓๕ เมื่อสร้างพระราชฐานแล้ว
ก็โปรด ฯ ให้สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่มาพักและชาวเกาะสีชังเช่น สร้างถนน
ท่าเทียบเรือ บ่อน้ำจืด โรงเรียน ที่ทำการไปรษณีย์ และสวนสาธารณะ แบ่งออกเป็นเขตพระราชฐานและเขตราษฎรชาวเกาะ
สีชังจึงมีบ้านพักตากอากาศเกิดขึ้น มีร้านอาหาร มีบริการเรือกลไฟจากกรุงเทพ
ฯ ไปเกาะสีชัง
การก่อสร้างพระราชฐานยังไม่ทันแล้วเสร็จ เกิดเหตุการณ์
ร.ศ.๑๑๒ ฝรั่งเศสมารุกรานเสียก่อน (ปีนี้ ๒๕๔๖
ร.ศ.๒๒๑) จึงมิได้เสด็จไปประทับแรมที่สีชังอีก และต่อมาโปรดให้รื้อพระที่นั่ง
"มันธาตุรัตนโรจน์"
ซึ่งเป็นพระที่นั่งองค์ใหญ่ มาสร้างใหม่ที่พระราชวังดุสิต ปัจจุบันคือ พระที่นั่งวิมานเมฆ
(เป็นไม้สักทองทั้งหลัง) ปัจจุบัน ตึก ๓ หลัง ได้รับการบูรณะซ่อมแซมทาสีเรียบร้อยแล้ว
กำลังบูรณะส่วนอื่น ๆ อยู่ แต่ที่ยังปล่อยไว้ทำให้ไมาสวยคือความรกร้างของหญ้า
ความไม่สะอาดของน้ำในสระในพระราชวังที่โปรด ฯ ให้ตั้งชื่อไว้อย่างไพเราะทั้งสิ้น
ควรจะทำควบคู่กันไป เก็บสตางค์ค่าเข้าชมพระราชวังจากผู้ที่เข้าชมแบบพระราชวังบางปะอิน
แต่ลดราคาลงมาหน่อยคือ ๒๐ บาท เอาเงินจำนวนนี้ไปจ้างแต่งตัดหญ้าก็ยังดี
สิ่งที่ควรชมบนเกาะสีชัง
ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่
อยู่บนยอดเขาคยาศิระ
เดิมเป็นศาลภายในช่องหินแคบ ๆ เจ้าพ่อเป็นเสาหิน เป็นที่เคารพสักการะบูชาโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือชาวเรือ
เมื่อคนไปสักการะบูชากันมากขึ้นจึงสร้างเจ้าพ่อเป็นศาลลักษณะทรงวิหารจีน ภายในศาลก่อนเข้าตัวศาลจะมีทางขึ้นไปยังศาลรัชกาลที่ ๕ และศาลกรมหลวงชุมพร ประทับอยู่ด้วยกัน พอขึ้นไปบนศาลที่ร่มเย็นและลมจะพัดเย็นสบาย มีน้ำเย็นให้ดื่ม
พลังที่เสียไปตอนไต่บันไดจะคืนกลับมา ทางซ้ายจะมีพระสังขจายน์
ศาลเจ้าแม่กวนอิม เจ้าพ่อเห้งเจีย ยิ่งเป็นตอนตรุษจีน
คนจะมากันแน่นตรึม โดยเฉพาะชาวจีน และบอกต่อกันมาว่า "ใครมาไหว้ติดต่อกัน
๓ ครั้ง ภายใน ๓ ปี จะร่ำรวย ผมน่าจะต้องรีบไปให้ครบ ๓ ครั้ง เพราะไปมาหลายครั้งไม่ติดต่อให้ครบ
๓ ภายใน ๓ ปี สักที ขึ้นไปแล้วชมทิวทัศน์ทางทะเลหน้าเกาะสวยนัก
รอยพระพุทธบาท
อยู่บนยอดเขาเหนือศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ รอยพระพุทธบาทนี้จำลองจากรอยพระพุทธบาท
ที่สรน้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช เมื่อปี พ.ศ.๕๐๐ มีความยาวศอกเศษ ทำจากหินขวาน
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงนำมาจากวัดพุทคยา ประเทศอินเดีย และยังประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
ไว้บนยอดเขาอีกด้วย จุดชมวิวบนยอดเขานี้หกาพักที่สีชังมาชมพระอาทิตย์ขึ้นงามนัก
ส่วนพระอาทิตย์ตกต้องไปชมที่ช่องเขาขาด หรือนั่งชมที่ลานเกาะลอย ศรีราชา ก็ได้งามเท่ากัน
ช่องเขาขาด และหาดหินกลม
เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่งดงาม เสียดายที่ทางเทศบาลไปสร้างสะพานเชื่อมเขาขาดเพียงเพื่อให้ชมพระอาทิตย์ตกได้สะดวก
ทำให้ขาดความงามของช่องเขาตามธรรมชาติไป หากจะสร้างให้เลาะไหล่เขาสูงขึ้นไป
คนไปชมจะเดินขึ้นลำบากหน่อย แต่ก็จะได้อิ่มกับธรรมชาติจนจุใจ แก้ไม่ได้แล้วเพราะสร้างเสร็จแล้ว
เหมือนหินที่เกาะสีชัง เป็นหินแกร่งเอาไปทำถนนกันที่อิ่น แต่เกาะสีชังเองกลับทำถนนคอนกรีต
ไม่ใช้หินแกร่งของตัวตัดเป็นก้อนเหลี่ยมแลลศิลาแลง แล้วปูถนนให้ต่างกับถนนที่อื่น
ๆ ไปคราวนี้เห็นความไม่เหมาะสมถึง ๒ แห่ง คือสะพานช่องเขาขาดกับที่หาดถ้ำพัง
หาดถ้ำพัง
มีลักษณะเป็นอ่าวโค้ง หาดทรายขาวสะอาดสวยงามมากแม้จะเป็นอ่าวเล็ก ๆ ก็ตาม
เล่นน้ำได้ บนหาดมีร้านอาหารไว้บริการนักท่องเที่ยว ตรงนี้แหละที่ไม่ถูกเรื่อง
เพราะได้ไปกางร่มกางเต้นท์จนเต็มหาดน้อย ๆ ที่แสนสวยนี้ หมดความสวยงาม เอาใจคนที่ไปนั่งกิน
นั่งดื่มไม่กี่คน แต่คนส่วนใหญ่ไปชมความงามของหาด ชมได้ไม่สมใจ เลิกหารายได้จากการเอาที่ให้ร้านทำอาหารเสียเถิด
เอาไว้ชมหาด เล่นน้ำกันไม่ดีกว่าหรือ
ศิลาจารึก
อยู่ข้างโรงเรียนเกาะสีชัง จารึกด้วยแผ่นหินเรื่องการสร้างพระราชฐาน
ถ้ำจักรพงศ์
และพระเหลือง
เป็นถ้ำเล็ก ๆ ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ เหนือถ้ำมีพระใหญ่เรียกว่า พระเหลือง
เก๋งจีน มีลักษณะเป็นศาลาโบราณ มีรูปมังกรและรูปนกอยู่บนยอด เคยเป็นที่ประทับชั่วคราวของ
ร.๕ พระจุฑาธุชราชฐาน อยู่บริเวณเนินเขาพระจุลจอมเกล้า
สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ จะอยู่ลดหลั่นกันไปตามชั้นความสูง งดงามมาก หากนึกถึงภาพที่หญ้าตัดเรียบ
และมีศาล ร.๕ ประทับนั่งไขว่ห้างชมวิว แปลกกว่าที่อื่น ๆ อยู่ด้วย แต่อยู่ในดงหญ้า
สระน้ำ เช่น มหาอโนดาดต์ (จารึกไว้แบบนี้ ผมไม่ได้เขียนผิด) น้ไม่สะอาด (น้ำประปา
บนเกาะไม่มีต้องเก็บน้ำฝนและซื้อน้ำจากศรีราชามาใช้โดยเฉพาะฤดูแล้ง) สูงขึ้นไปจะมีดอกลั่นทม
เปลี่ยนชื่อว่า ลีลาวดี ออกดอกสีขาว ชมพู ตลอดปี หอมเย็น เขตพระราชวังเดิมมีพระที่นั่ง
๔ องค์ ตำหนัก ๑๔ หลัง ศาลาหนึ่งหลัง มีทางเดินเชื่อมติดต่อกัน ๒๖ สาย ระหว่างพระที่นั่งมีลานดอกไม้
สระน้ำ บ่อน้ำ น้ำพุ ถ้ำ ตกแต่งตามลักษณะอุทยานในพระราชวังของประเทศตะวันตก
หากตกแต่งพื้นที่ให้ราบเรียบแล้วจะงามยิ่ง
เจดีย์อัษฎางค์นิมิตร
อยู่บนยอดเขาจุลจอมเกล้า ด้านหลังพระราชฐาน มีความโดดเด่นงดงาม ลักษณะเป็นอาคารทรงกลม
ส่วนยอดเป็นเจดีย์ส่วนล่างเป็นพระอุโบสถ (วัดในวัง) กำลังบูรณะอยู่
วัดจุฑาทิศธรรมสภารามวรวิหาร
วัดนี้เป็นพระอารมหลวงที่ ร.๕ โปรด ฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ.๒๔๓๕ พร้อมกับการสร้างพระราชวังและพร้อมกับการประสูติของเจ้าฟ้าจุฑาธุช
ราชโอรสที่ประสูตืที่เกาะสีชังนี้ วัดจะฑาธุช ฯ อยู่ทางขวาของทางขึ้นศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่เรียกว่าอยู่เชิงเขาคยาศิระ
มีพระอุโบสถ หอระฆัง พระพุทธบาทจำลอง และพระสประธานปางมารวิชัยที่งามยิ่ง
การไปเที่ยวบนเกาะสีชังโดยรถสกายแล๊บ เขาคงพาไปแค่นี้ แต่ตอนที่ไปยังพระเหลืองนั้น
ผมลืมบอกไปว่า วัดนี้มีศาลของ ร.๕ และกรมหลวงชุมพร ฯ ประทับอยู่ด้วยกัน ขึ้นไปแล้วอย่าลืมไปกราบสักการะด้วย
ส่วนของขาย ของกินจะมีทั่วไปเช่น ที่ท่าเรือหรือที่เชิงบันไดจะขึ้นไปยังงศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่
ก็มีของกินของขายไว้ทั่วไปหมด สกายแล๊บจะบริการดีมาก เขาบอกว่าหากเป็นวันหยุดจะได้สัก
๒ - ๓ รอบ แต่หากวันธรรมดาเขาบอกว่ารอบเดียวก็เหลือกินแล้ว รอบเดียวหากได้รอบใหญ่คือ
๒๕๐ บาท ใช้เวลาประมาณ ๒ ชั่วโมงเศษ เพราะจะต้องตรงกับเวลาอาหารกลางวันด้วย
อาจจะกินก่อนเที่ยง หรือเที่ยวแล้วกินอย่างที่ผมปฏิบัติ อยู่ตรงไหนอย่าถามผมเลย
บยอกไกด์สกายแล๊บคำเดียว เขาพาไปได้ในเวลาสัก ๕ นาที และไม่ต้องห่วงอาหารของคนขับรถ
เพราะเขาจะขอเราไปรับเรือ เพราะโชคดีเขาอาจจะได้ผู้โดยสารรอบเล็ก ใช้เวลาพาเที่ยวไม่ถึงชั่วโมงดี
แล้วเขาก็กลับมารับเราไปเที่ยวต่อ หรือไปลงเรือกลับฝั่งศรีราชาได้ทัน เขาไม่หนีไปไหนเพราะค่าโดยสารเขายังไม่ได้จากเราด้วย
และรถมีระบบคุ้มกันดีไม่มีการแย่งผู้โดยสารกัน ทุกคนมีแผนที่ในมือ ชี้แจงใให้ทราบได้ว่าจะไปที่ไหนก่อน
หลังเสนอแนะให้เสร็จ เดินดูอ่างใส่ทะเลสดเสียก่อนก็ได้เช่น ปูม้าสด ปลาสด
เรียกว่า "เป็น ๆ" ดีกว่ารวมทั้งกั้งเป็น ๆ บางครั้งก็มีจะแหวกว่ายอยู่ จะตายเมื่อเราชี้สั่ง
แกงป่าปลา เลือกปลาเอาเอง ผมเลือกปลาโฉมงาม แกงป่าน้ำใสชดได้ ใส่มะเขือเปราะ
ปูม้านึ่ง ใครบอกว่าสดไม่จริง ไม่ต้องเถียง เพราะเมื่อสักครู่นี้ยังเดินกันอยู่เลย
แต่ไม่ถึง ๑๐ นาทีเขาก็ยกใส่ชามมาให้แล้ว สั่งมา "หนึ่งกิโล" ราคาแค่กิโลกรัมละ
๒๕๐ บาท ถือว่าถูกสำหรับปูม้าเป็น ๆ เอามานึ่งจงใช้มือ เพราะเขามีอ่างน้ำ
มะนาวฝานลอยมา ให้ล้างมือแก้คาวด้วย น้ำจิ้มรสแซ๊บถูกใจ
ผัดกะเพราหมึกสด เห็นมากับตาตอนจะขึ้นจากเรือที่เรือส่งสัตว์ทะเลที่เขาจับได้ด้วยเรือเล็ก
เอามาส่งขึ้นท่าเรือ ร้านอาหารจะไปซื้อกันตอนสาย ๆ ทุกวัน เรือหาปลาเรือเล็กจึงเข้าฝั่งทุกวันได้อาหารทะเลสดแท้
ยังไม่ได้แช่เย็นแช่แข็งมาเลย
กุ้งชุบแป้งทอด น้ำจิ้มบ๊วยเจี่ย
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดในการเสด็จประพาสเกาะสีชัง และคราวเสด็จเมื่อยังดำรงพระยศเป็นสมเด็จ
ฯ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ ฯ ความงามของเกาะทำให้เป็นแรงบันดาลพระทัย ให้ทรงพระราชนิพนธ์กาพย์เห่เรือ
ความตอนหนึ่งในการพรรณาถึงเกาะสีชังนั้นไพเราะอย่างยิ่ง
สีชังชังแต่ชื่อ
เกาะนั้นฤาจะชังใคร
ขอแต่แม่ดวงใจ
อย่าชังชิงพี่จริงจัง
ตัวไกลใจพี่อยู่ เป็นคู่ครองน้องยืนยัง
ห่วงเจ้าเฝ้าแลหลัง
ตั้งใจคิดมิตรสมาน
...........................................................................
|