ไหว้พระดีภาคอีสาน
(๔)
นครราชสีมา "ประตูด่านแรกที่จะเข้าสู่ดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนืออันกว้างใหญ่"
แต่โคราชไม่เป็นเพียงประตูเปิดไปสู่ภาคอีสานเท่านนั้น ยังเป็นเสมือนกุญแจที่ไขไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองในอดีตอีกด้วย
มีสิ่งที่น่าสนใจ น่าศึกษาทั้งในด้ารประวัติศาสตร์ โบราณคดี และวัฒนธรรมที่เจริญรุ่งเรือง
โคราช
อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของอีสาน ต้นของแม่น้ำมูล ซึ่งใให้ความอุดมสมบูรณ์ให้แก่แผ่นดินโคราช
และไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นดินแดนในถิ่นอีสานได้เช่นกันคือ
นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
หลักฐานทางด้านโบราณสถาน เท่าที่เหลืออยู่ในนครราชสีมา ขณะนี้ได้แก่เมืองโบราณ
วัดโบราณ เทวสถาน พระพุทธรูป เสมาหิน เทวรูป ศิลาจารึก เศษกระเบื้อง ถ้วยชาม
แสดงให้เห็นว่า โคาราชเป็นบ้านเป็นเมืองมาก่อนกรุงศรีอยุธยา เป็นราชธานีย้อนหลังขึ้นไปถึงยุยคทราวดีและลพบุรี
เช่น ปราสาทหินพิมาย ปราสาทหินพนมวัน ซึ่งจารึกบอกประวัติศาสตร์และระยะเวลา
เมืองเสมา
ตั้งอยู่ทางฝั่งใต้ของลำตะคอง มีเมืองโฆราปุระ ตั้งอยู่ทางฝั่งเหนือของลำตะคอง
ซึ่งเมืองทั้งสองนี้เป็นที่ตั้งของชุมชนโบราณในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ในสมัยทราวดีที่แผ่อิทธฺพลเข้ามายังอำเภอสูงเนินในปัจจุบันและเกิดเมืองทั้งสองนี้ขึ้น
เมืองเสมา เป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนานิกายหินยาน มีพระนอนหินทรายอายุร่วม
๒,๕๐๐ ปี
เมืองโฆราฆปุระ
เกิดขึ้นภายหลัง มีโบราณสถานคือ ปราสาทโนนกู่ ปราสาทเมืองแขก ปราสาทหินเมืองเก่า
ในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โปรดให้นายช่างฝรั่งไปสร้างเมืองใหม่อยู่ระหว่างเมืองทั้งสองนี้
นายช่างฝรั่งเป็นผู้วางผังเมือง มีค่ายคู ประตูหอรบ กำแพงเมือง ตามหลบักทางยุทธศาสตร์
มีประตูสี่ทิศ กว้าง ๑,๐๐๐ เมตร ยาว ๑,๗๐๐ เมตร ประตูชุมพล เป็นฝีมือของนายช่างชาวฝรั่งเศส
ปีที่สร้างประมาณปี พ.ศ.๒๒๐๐ และยังคงอยู่
เมืองโบราณทั้งสองในอำเภอสูงเนินนี้ตั้งอยู่ในตำบลโคราช ชื่อที่เรียกนครราชสีมาว่าโคราช
จึงน่าจะมาจากชื่อเมืองเสมา กับเมืองโฆราฆปุระ ซึ่งเดิมทีเดียว (สร้างหลังเมืองเสมา)
ชื่อเมือง "เมืองขวางธนบุรีศรีมหานครราช"
ชาวบ้านเรียกว่า "คอนราช"
เมื่อสร้างเมืองใหม่แล้ว สมเด็จพระนารายณ์มหาราช จึงโปรดให้ชื่อเมืองว่า นครราชสีมา
น่าจะมาจากการเอาชื่อเมืองเสมามาผสมกับท้ายชื่อของเมืองขวางบุรี "ศรีมหานครราช"
การเดินทาง.-
ทางรถไฟ
มีรถไฟผ่านวันละหลายขบวน โทร ๐ ๒๒๒๓ ๗๐๑๐
ทางอากาศ
มีเที่ยวบิน บินตรงไปยังนครราชสีมา โทร ๐ ๒๒๘๐ ๐๐๗๐
ทางรถยนต์
ไปได้หลายเส้นทาง
เส้นทางตรงคือ กรุงเทพ ฯ สระบุรี เข้าทางหลวงแผ่นดินสาย ๒ มิตรภาพ
รวมระยะทาง ๒๕๙ กม.
เส้นทางที่ ๒ ไปเที่ยวเขาใหญ่ คือ ไปจากกรุงเทพ ฯ เลี้ยวขวาที่หินกอง
ไปปราจีนบุรี เลี้ยวซ้ายที่สี่แยกเนินหอม
(แยกขวาเข้าตัวเมืองปราจีนบุรี)
ไปข้ามเขาใหญ่ ปากช่อง สีคิ้ว นครราชสีมา
แหล่งเที่ยว.-
อุทยานแห่งชาติ นครราชสีมามีอุทยานแห่งชาติ ๒ แห่ง คือ.-
๑. อุทยานแห่งชาติทับลาน
คลุมพื้นที่ป่าวังน้ำเขียว ป่าครบุรี ของอำเภอปักธงชัย อำเภอครบุรี อำเภอเสิงสาง
จังหวัดนครราชสีมา และอำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี
พื้นที่เป็นภูเขาน้อยใหญ่ ภูที่สูงที่สุดชื่อ ภูละมั่ง
สูงประมาณ ๙๙๒ เมตร เป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธารหลายสาย ซึ่งจะมารวมกันเป็นแม่น้ำมูลและแม่น้ำบางปะกง
มีไม้หลายชนิด ไม้สำคัญที่สุด คือ ต้นลาน เป็นป่าลานแหล่งสุดท้ายของประเทศ
สัตว์ป่ามีมาก ช้างป่า กระทิง เสือโคร่ง กวาง เก้ง หมีควาย กระจง แมวคาว แมวป่า
กระต่ายป่า และ นก จุดเด่นที่น่าสนใจคือ ป่าลาน มีต้นลานที่เป็นไม้ดึกดำบรรพ์
ที่จะออกดอกเมื่ออายุตั้งแต่ ๒๐ ปี ขึ้นไป และออกมากถึง ๖๐ ล้านดอกในหนึ่งต้น
แต่พอดอกโรยต้นแม่ก็จะค่อยโรยตามและในที่สุดก็ตาย
จุดเด่นที่น่าสนใจคือ น้ำตกห้วยใหญ่ น้ำตกทับลาน
น้ำตกเหวนกกก อุทยานทับลานมีที่ทำการที่ อำเภอกบินทร์บุรี
ยังไม่มี บ้านพักรับรอง มีสถานที่ให้กางเต้นท์นอนได้ ๐ ๒๕๗๙ ๕๗๓๔, ๐
๒๕๗๙ ๗๒๒๓
๒. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย ประกาศตั้งเป็นอุทยานเมื่อ ๑๘
กันยายน ๒๕๐๕ ได้รับสมญาว่าเป็นอุทยานมรดกของกลุ่มอาเซียน คลุมพื้นที่คาบเกี่ยวกันถึง
๔ จังหวัด สระบุรี นครราชสีมา นครนายก และปราจีนบุรี ลักษณะเป็นเทือกเขาที่สลับซับซ้อนกันหลายลูก
"เขาร่ม"
เป็นยอดเขาที่สูงที่สุด คือสูง ๑,๓๕๑ เมตร สภาพป่า ประกอบด้วยป่าเบญจพรรณ
ป่าดงดิลแล้ง ป่าดงดิบชื้น ป่าดิบเขา ทุ่งหญ้า ป่ารุ่น
เหล่าเขาใหญ่เป็นแหล่งชุมนุมของสัตว์ นานาชนิดที่พบเห็นมากคือ คือ เก้ง กวาง
เสือโคร่ง ช้างป่า กระทิง เลียงผา หมี เม่น และนกกว่า ๒๐๐ ชนิด จุดเด่นที่น่าสนใจ
คือ น้ำตกเหวสุวัต น้ำจตกกรองแก้ว
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มีจุดชมวิวที่เด่นๆ ๓ จุด จุดชมวิวกิโลเมตร ๓๐
จุดชมวิวกิโลเมตร ๙ และจุดชมวิวเขาเขียว (ผาตรอมใจ)
อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ติดต่อ
๐๓๗ ๓๑๙๐๐๒ หรือที่ อาคารหลังกรมป่าไม้ ๐ ๒๕๗๙ ๗๒๒๓
นครราชสีมา มีสถานที่ท่องเที่ยวนับว่ามาก แต่ไม่ค่อยอยู่ในตัวอำเภอเมือง
หากเดินทางจากกรุงเทพ ฯ ไปตามถนน
สายหลัก
คือสายกรุงเทพ ฯ เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒ สายมิตรภาพจะสนุกกับการเที่ยว
การกินไปตลอดทาง
เที่ยวโคราช
เริ่มเที่ยวกันตั้งแต่ยังไม่ถึงโคราช คือ "ลำตะคอง"
ซึ่งบริเวณริมลำตะคองนั้น พอถึง กม. ๑๘๙ - ๑๙๐ ก็จะถึงสวนท้าวสุรนารี ที่อยู่ริมลำตะคอง
ริมลำตะคองตอนนี้จะสวยมาก มองเห็นทะเลสาปที่กว้างใหญ่ และริมทางไม่มีร้านอาหาร
ซึ่งพื้นที่ริมลำตะคองนั้นส่วนใหญ่หมดความงดงามไปเพราะร้านอาหาร ไปยินยอมไห้ปลูกเพิง
ปลูกร้านอาหารที่มองแล้วหาความ เป็นระเบียบ ความงดงามไม่ได้เลย แต่ปล่อยกันมาช้านานแล้ว
หากรัฐบาลสั่งให้เลิกให้รื้อถอนก็คงจะเป็นเรื่องยาว คำว่าเสียสละ เพื่อชาติบ้านเมือง
ให้บ้านเมืองสวยงามสมกับที่กำลังส่งเสริมการท่องเที่ยวนั้นคงทำได้ยากเหลือเกิน
ต่อไปก็ใกล้ ๆ กันกับสวน ท้าวสุรนารี คือ สวนน้าชาติ ท่านผู้นี้คือ พล.อ.ชาติชาย
ชุณหวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนของจังหวัด
นครราชสีมา จงมาสร้างเป็นอนุสาวรีย์ของท่านไว้ตรงนี้ ระหว่างกิโลเมตร.
๑๙๓ - ๑๙๔ อยู่ริมลำตะคองเช่นกัน ถัดไปก็ศูนย์นิเทศลิปพัลลภ
ท่านผู้นี้คือหัวหน้าพรรคชาติพัฒนาในปัจจุบัน ที่ท่านเคยจัดงานวันเกิดทีละ
๒๐ ล้านบาทนั่นแหละ ศูนย์บริการ (ที่ไม่ค่อยจะมีเอกสารบริการ)
แห่งนี้สร้างต่อจากสวนน้าชาติ สถานที่สวย เหมาะสำหรับการไปยืนดูทะเลสาปหรือลำตะคอง
ไม่เหมาะที่จะไปขอบริการทางเอกสาร และที่เหมาะอีกอย่างต้องขอขอบคุณ คือ สุขาบริการแจ่มแจ๋วที่เดียว
น่าจะมีเอกสารการท่องเที่ยวของภาคอีสานทั้งหมดไว้แจกบ้าง ขายบ้างยังได้เลย
เพราะโคราชหรือนครราชสีมาคือประตูสู่อีสาน ถ้าดักบริการไว้ตรงนี้ นักท่องเที่ยวก็จะได้รับความสะดวกมากขึ้น
ต่อไปจากศูนย์สารนิเทศลิปพัลลภ ก็จะเป็นศูนย์บริการทางหลวง ซึ่งศูนย์บริการทางหลวง
๓ แห่ง จะมีหน้าตาคล้ายคลึงกัน รวมทั้งราคาสินค้า อาหารจะแพงเหมือน ๆ กัน
ลูกค้าจึงน้อยน่ากลัวขาดทุน ผู้คนจะเข้าไปใช้บริการกันมากในเรื่องของสุขา
เพราะดีเหลือเกิน สะอาด เป็นสากล มีของคนพิการพร้อม ศูนย์บริการทางหลวงที่ผมพบว่าหน้าตาเหมือนกันมี
๓ แห่งคือ ภาคใต้ ตรงกิโลเมตร ๔๓๑ ภาคเหนือมี ๒ แห่ง ที่กิโลเมตร ๑๘๕ (หากตัวเลขผิดก็ขออภัยด้วย)
จังหวัดชัยนาท และที่ อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง ๓ แห่งนี้ หน้าตาเหมือนกัน
ส่วนที่ลำตะคอง กิโลเมตร ๑๙๓ - ๑๙๔ สร้างชั้นเดียว ให้กลมกลืนกับบรรยากาศของศูนย์สารนิเทศลิปพัลลภ
แต่สิ่งอำนวยความสะดวกก็คงคล้าย ๆ กัน ส่วนบริการสุขายอดเยี่ยมนั้น
ผมพึ่งไปพบแห่งใหม่ มีคุณลักษณะของปั๊มน้ำมันที่ผมอยากให้มีที่พักภายในปั๊ม
สำหรับคนง่วงนอนแล้วอยากพักระยะสั้น ๆ เช่นแบบปั๊มในยุโรปบางแห่ง เอาแค่ให้คุณมีลักษณะอย่างที่ผมปรารถนาก็พอใจแล้ว
ว่าจะเหมาะสมกับปั๊มน้ำมันของประเทศที่เจริญแล้ว และมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย
กำลังส่งเสริมการท่องเที่ยว ต่อไปใครขอตั้งปั๊มน้ำมันลองเอาหลักเกณฑ์นี้ไปใช้บ้างกว็จะดี
ปั๊มน้ำมันที่ผมขอชมเชยเป็นพิเศษอยู่ตรงหลักกิโลเมตร ๑๐๐ พอดี หากมาจากสระบุรี
(กิโลเมตร ๑๐๘) ปั๊มจะอยู่ริมถนนทางซ้าย ไปจากกรุงเทพ ฯ ปั๊มนี้จะอยู่ทางขวา
เป็นปั๊มน้ำมัน ปตท. ที่ผมเชียร์ว่าดีมีครบ ๕ ประการ (สูตรของผม) คือบริการดีเยี่ยม
(รวมทั้งความสะอาดของสถานที่) รับบัตรเครดิต มีของแจก (เช่นแจกน้ำ ดีที่สุด)
เป็นศูนย์อาหาร (ต้องอร่อยด้วย) ที่ราคาไม่แพง อาหารที่ผมเชียร์ของศูนย์นี้คือกะหรี่ปั๊บ
เจ้าที่เคยได้ที่หนึ่งของสระบุรีมาแล้ว ก๋วยจั๊บ และไอศกรีมมหาชัย ข้อสุดท้ายคือยอดของสุขา
ที่สร้างหลังใหญ่ แยกไปเฉพาะก็มี ในอาคารหลังย่อยก็มี เป็นสัดส่วน มีสุขาที่เป็นแบบผสมคือส้วมโถและนั่งยอง
ต้องมีคละกัน เพราะคนไทยบางคนที่ตัวเองสกปรกเลยมองว่าที่นั่งโถสกปรกตามไปด้วย
เลยปีนขึ้นไปนั่งยองเสียเลย สิงคโปร์ประเทศที่ว่าสะอาดสุด ๆ แล้วก็ยังต้องมีแบบผสม
เขาบอกว่าคนจีนของเขาที่หัวเก่ายังนิยมใช้แบบนี้อยู่ เราเองก็ควรมีทั้ง ๒
แบบ แต่ทุกวันนี้หายากเต็มทน ที่ห้องส้วมจะเป็นแบบโถ ลืมไปว่าคน ๔ ประเภทต้องพึ่งคือ
"คนอ้วน คนพิการ คนศุงอายุ และชาวต่างประเทศ ไม่มีรถทัวร์ที่พาชาวต่างประเทศเที่ยวไหนที่จอดให้บริการแก่ลูกค้าทัวร์ตามปั๊ม
เพราะลูกค้าทัวณ์ฝรั่งนั้นเขาเที่ยววกันจริง ๆ ตอนวัยเกษียณแล้ว และจะอ้วนด้วย
ให้คนอ้วนนั่งยอง ๆ ก็หงายหลังผึ่งเท่านั้นเอง จึงอาศัยสุขาของปั๊มน้ำไทยไม่ได้
แต่ที่ปั๊มนี้สุขาเป็นแบบผสม มีห้องอาบน้ำ ห้องแต่งตัว ให้พร้อมเลยทีเดียว
ขอยกย่องว่าเป็นสุขาตัวอย่างของปั๊มน้ำมัน เผอิญเป็นปั๊ม ปตท.ที่เขามาเชิญผมไปเขียนหนังสือ
"อร่อยทั่วไทย ไปกับ ปตท. เขาด้วย เลยต้องเชียร์กันเป็นการใหญ่ และขอเชียร์หนังสือที่
ผมเขียนด้วย ว่า ปตท.เขาจ้างเขียน แบบซื้อลิขสิทธิ์ไปเลย เขาจะขายได้มากได้น้อยผมไม่เกี่ยว
ผมก็รับเอาค่าเรื่องของผมมา แต่อยากจะคุยว่าเป็นหนังสือที่ดี ที่ผมทุ่มเททำงานนี้เพราะต้องทำถึง
๖ เล่ม ภาคเหนือ ๑๗ จังหวัด ภาคอีสาน ๑๙ จังหวัด ภาคใต้ ๑๕ จังหวัด
และภาคตะวันออก ๙ จังหวัด จบด้วยกรุงเทพ ฯ อีกไม่น้อยกว่า ๕๐ ร้านอาหารและแหล่งท่องเที่ยวในกรุง
ทำงานนี้มาร่วม ๘ เดือนแล้ว พึ่งเขียนได้ ๓ ภาค ตอนนี้กำลังตะเวนทำต้นฉบับภาคกลาง
ภาวนาว่าขออย่าให้ตายเสียก่อน งานชิ้นนี้จะสำเร็จ เพราะอายุผมก็ใกล้ร้อยเข้าไปทุกที
คงไม่มีโอกาสทำงานใหญ่ ๆ เช่นนี้อีก ปตท. เขาใจกล้า คือเขาถือว่าเขาขาย
น้ำมัน
ทำหนังสือเพื่อประชาสัมพันธ์น้ำมันของเขาไปในตัว เขาจึงขายหนังสือราคาถูกมาก
มีขายตามปั้มทั่วประเทศเลยทีเดียว หากทางปั้ม ปตท. ให้ความร่วมมือในการขายคงขายดีกว่านี้
ต้องไปถามดูเพราะไม่เห็นมีปั้มไหนจะเอามาวางขายตรงโต๊ะ รับเงินเลย อย่างดีวางไว้ในมินิมารท์ก็ยังดี
ขออภัยครับที่ประกาศประชาสัมพันธ์ขายหนังสือให้ ปตท. เพราะอยากให้ท่านที่เป็น
นักเที่ยว นักชิม แม้จะไม่ได้เป็นก็มีไว้ประดับความรู้ได้ เงิน
๑๑๐ บาท ได้ความรู้ของภาคเหนือทั้งตอนล่างด้วยมากถึง ๑๗ จังหวัด ผมรวมเอาประวัติแต่ละเมืองที่ต้องไปค้นคว้ามา
การเดินทาง อุทยานแห่งชาติของแต่ละจังหวัดแล้วจึงถึงแหล่งเที่ยวของทุกจังหวัดไว้ในเล่ม
เที่ยวตอในโคราช ยังไม่ถึงจุดพระดี ของประตูอีสานเลย.-
กิโลเมตร ๒๐๐ ทางขวามีไร่องุ่นน้องหนึ่ง เป็นไร่องุ่นไม่มีเมล็ด
เขาตั้งศาลาขายริมทาง
กิโลเมตร ๑๙๘ - ๒๐๐.๕ มีแหล่งหินทราย ที่เขาจะสกัดเป็นรูปเทวดา สิงห์สาราสัตว์ทั้งหลาย
ตุ๊กตาน่ารัก ฯ ตั้งขายริมทางมีหลายร้าน
กิโลเมตร ๒๐๐.๕ หากมาจากโคราช จะมีทางแยกซ้ายไปยังวัดเขาจันทร์งาม
ซึ่งมีภาพเขียนอยู่ในเขตอำเภอสีคิ้ว บ้านเลิศสวัสดิ์ ภาพเขียนประวัติศาสตร์แหล่งนี้
อายุ ๓,๐๐๐ - ๔,๐๐๐ ปีล่วงมาแล้ว ที่แสดงถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ การแต่งกาย
การล่าสัตว์ สันนิษฐานว่า สร้างขึ้นโดยชุมชนเกษตรกรรมที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้
ผมเล่าเลยไปวัดหนึ่ง ที่กถือว่าเป็นวัดที่มีพระดีของอีสาน คือ วัดเทพพิทักษณ์ปุณณาราม
ตั้งอยู่บริเวณเขาสีเสียด ตำบลกลางดง อำเภอปากช่อง บนยอดเขาภายในวัดประดิษฐานพระพุทธรูปปางประทานพรสีขาวขนาดใหญ่
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานนามว่า "พระพุทธสกลสีมามงคล"
หากกถึงสีคิ้วแล้วแยกซ้ายไปทางจะไปชัยภูมิ วัดสำคัญที่เป็นวัดดีของอีสานคือ
วัดบ้านไร่
วัดหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ตำบลกุดพิมาน อำเกภอด่านขุนทด หลวงพ่อคูณ พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของประเทศ
ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งนี้ ประวัติวัดบ้านไร่ เดิมเป็นสำนักสงฆ์ที่มีมาตั้งแต่
พ.ศ.๒๔๖๓ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ โดยมีพระอาจารย์ เชื่อม วิรโช
เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก ได้มีการก่อสร้างศาสนสถานต่าง ๆ ขึ้น และมีเจ้าอาวาสสืบต่อมาอีกหลายองค์จนมาถึงหลวงพ่อคูณ
ปริสุทโธ เป็นเจ้าอาวาส ผู้มีศรัทธา หลั่งไหลมาจากทั่งประเทศ
และมาถวายวัตถุปัจจัยเป็นเงินมากมายมหาศาล จึงมีการพัฒนาวัดมากที่สุดยิ่งกว่ายุคใด
สมัยใด หลวงพ่อคูณได้ตั้งมูลนิธิหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เพื่อกิจกรรมสาธรณะประโยชน์ต่าง
ๆ เช่น การบูรณะวัด การสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล เป็นต้น
การเดินทางไปวัดบ้านไร่ จะไปจากลพบุรีก็สะดวก คือ กรุงเทพ ฯ สระบุรี
พอถึงกิโลเมตร ๑๒๒ เลี้ยวขวาไปทางอำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ไปจนถึงประมาณกิโลเมตร
๕๐ ม่วงค่อม ลพบุรี ก็เลี้ยวขวาไปยังอำเภอด่านขุนทดได้ ไปบ้านไร่แล้วไม่ต้องย้อนกลับมาวิ่งต่อไปออกถนนสาย
๒ จะไปยังปราสาทหินพิมายกลับทางนครราชสีมา
พระดี อีสานที่ผมเล่าวันนี้คงเล่าได้แค่นี้ก่อน เพราะทั้งจังหวัดนคราชสีมานั้นมีมากมายเหลือเกิน
ทั้งในเมือง นอกเมือง เขาบอกว่ามีถึง ๙ วัด วันนี้ผมเล่ามาได้ ๓ วัด คือ วัดเทพพิทักษณ์ปุณณาราม
"พระพุทธสกลสีมามงคล" วัดเขาพระจันทร์งาม อำเภอสีคิ้ว มีพระพุทธรูปประทับยืน
ปางห้ามญาติ และภาพเขียนสีประวัติศาสตร์อายุไม่ต่ำกว่า ๓,๐๐๐ ปี วัดบ้านไร่
พระดีคือ องค์หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ และจุดท่องเที่ยวจุดสุดท้าย ลงรถเดินเข้าไปชมได้เลยคือแหล่งหินตัด
กิโลเมตร ๒๐๕ อยู่ทางขวาของถนนเอาไว้มาชมตอนกลับมาก็ได้ จะมองเห็นเนินเขาเตี้ย
ๆ บริเวณแหล่งหินตัดมีอาณาเขตกว้างขวาง ตามพื้นหินทรายมีร่องรอยของการสกัดหินให้เป็นรูปทรงลูกบาศก์สี่เหลี่ยมขนาด
๑๕ ๙๐ ซม.และ ๑๐๐ ๓๐๐ ซม. เพื่อนำไปใช้ในการสร้างปราสาทและสันนิษฐานได้ว่า
ในอดีตโบราณกาลนั้นจะต้องมีลำน้ำไหลผ่าน เพื่อลำเลียงหินตัดเหล่านี้ไปยังแหล่งที่จะสร้างปราสาทหรือศาสนาสถาน
เช่นปราสาทหินพิมาย ก็เป็นได้
ขอผลัดตอนต่อไปผมจะเล่าถึงวัดที่มีพระนอนหินทราย สมัยทราวดี
แหล่งกิน ถ้าชอบกินสเต็กก็จะมีโชคชัยสเต็กเฮ้าส์ มาจากสระบุรีจะอยู่ทางขวามือ
และฟาร์มเฮาส์ แต่ตอนจะพ้นเขตสระบุรีก่อนถวึงทางแยกน้ำตกมวกเหล็กนิดหนึ่ง
จะมีร้านสเตกรสเยี่ยมอีกร้านหนึ่ง เตรียมท้องให้ดีดี รวมทั้งกะเวลาให้พอดีด้วย
อาจจะเป็นมื้อเที่ยงแต่ฉันเพลก็ยังไหว เพราะสเต็กร้านนี้อร่อยเหลือเกิน ราคาไม่แพงด้วย
ชิมแล้วก็ติดใจชิมของเขาเรื่อยมา จนเดี๋ยวนี้ร้านของเขาขยายใหญ่โต มีสองฟากถนนเลยทีเดียว
หากเลยร้ายสเต็กไปไม่กี่กิโลเมตร ก็จะพ้นเขตจังหวัดสระบุรี ที่ลำธารของน้ำตกมวกเหล็กถือว่ากั้นยเขตจังหวัด
แต่ร้านสเต็กที่ผมกำลังเล่าอยู่นี้ยังอยู่ในเขตของสระบุรี
ครูต้อสเต็กเฮาส์ ก่อนถึงทางแยกซ้ายเข้าน้ำตกมวกเหล็ก เลยศูนย์ฝึกกีฬานานาชาติ
กิโลเมตร ๑๔๐ ให้แยกเข้าทางขนาน จะผ่านศูนย์อาหารมิตรภาพมุสลิม
อาหารอร่อยคือ ข้าวหมกแกละ (ไม่มีกลิ่นเลย) ซุปหางวัว ต่อมาผ่านศูนย์บริการโตโยต้า
แถนนี้จะมีร้านสเต็กที่ตั้งขึ้นใหม่ ๆตามความดังของร้านครูต้อ แต่มองเล็งแล้วไม่เข้าตากรรมการ
จากนั้นจะถึงร้านสเต็กครูต้อ เลี้ยวซ้ายเข้าไปจอดรถได้เลย ที่จอดรถกว้างขวาง
มีอาหารตามสั่ง (ผมไม่เคยชิมสักที ไปทีไรกินสเต็กลูกเดียว) ของฝาก ของที่ระลึก
สเต็กเนื้อต้องถือว่าเป็นจานเด็ด แต่หากใครไม่กินเนื้อก็ต้องกินสเต็กไก่ หมู
ปลา ได้ แต่ความอร่อยจะลดลงไปบ้างไม่เหมือนเนื้อ
เนื้อที่เอามาทำสเต็กนั้นคือ เนื้อโคขุน คุณภาพเยี่ยม เอามาจากสหกรณ์การเลี้ยงปศุศัตว์
กรป.กลาง "โพนยางคำ" (ไปสกลนครผมจะพากินเนื้อโพนยางคำอีก) เวลาสั่งสเต็กจะต้องสั่งว่าเอาเนื้อโพนยางคำ
จะแพงขึ้นอีกนิดเดียว แต่ความอร่อยนั้นจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวว
เซอร์ลอย โคขุน จานนี้ราคา ๓๕๐ บาท หากไม่ใช่โคขุน ๒๕๐ บาท
ก่อนที่สเต็กจะยกมาร้อน ๆ สั่งน้ำผลไม้มาจิบเสียก่อนคือ น้ำองุ่นสด ชื่นใจนัก
พอสเต็กยกมาจะเห็นมีซ๊อสราดมาชุ่ม สีน้ำตาล เครื่องเคียง มีผักดอง ถั่วแขก
มันฝรั่งทอด มีสลัดมาให้ ๑ จาน เป็นสลัดน้ำข้นรสดี มีขนมปัง เนยสดมาให้ในชุดเดียวกัน
สเต็กเนื้อนุ่ม รสแทรกซึมเข้าเนื้อ ใครจะคิดอร่อยด้วยวิธีการแหวกแนว สั่งข้าวเปล่ามาสักจานก็ไม่มีใครว่า
ปิดท้ายด้วย กระท้อนลอยแก้ว หวานเย็น อมเปรี้ยว ชื่นใจนัก
ส่วนอาหารตามสั่ง ไม่ได้ชิม แต่มีรายการแนะนำไว้ เอาไว้เบื่อสเต็กเมื่อไรจะไปลองชิมคือ
ปลาร้าผัดไข่ และผักสด ขาหมูทอด กระเพาะหมูผัดเกี๊ยมฉ่าย ต้มยำเนื้อลูกวัว
อ่านดูรายการแล้วกว็น่าลองชิม จบแล้วเข้าห้องของฝาก ซื้อกะหรี่ปั๊บ กุนเชียง
ติดรถกลับบ้าน
...........................................................
|